แนวพระราชดำริเกี่ยวกับโครงการฝนหลวง
จากการที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ เยี่ยมราษฎรในจังหวัดต่างๆ
เป็นประจำ
ได้ทรงพบเห็นปัญหาทุกข์ยากของพสกนิกรอันเนื่องจากสภาวะแห้งแล้งดังกล่าวข้างต้น
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก เกษตรกรจะประสบความเดือดร้อนทุกข์ยากมาก
เนื่องจากสภาวะแห้งแล้งดังกล่าวข้างต้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งในฤดูเพาะปลูก
เกษตรกรจะประสบความเดือดร้อนทุกข์ยากมาก
เนื่องจากบางครั้งฝนได้ทิ้งช่วงนานหรือภาวะฝนทิ้งช่วงเกิดในระยะวิกฤตของพืชผล
คือ พืชอยู่ในระยะที่ผสมพันธุ์และกำลังให้ผลผลิต
ซึ่งเป็นช่วงสำคัญที่พืชต้องการน้ำมาก หากขาดน้ำในระยะดังกล่าวนี้
จะให้ผลผลิตต่ำหรืออาจไม่มีผลผลิตให้เลย
ดังนั้นภาวะฝนแล้งหรือฝนทิ้งช่วงในแต่ละครั้ง/แต่ละปี
จึงสร้างความเดือดร้อนและความสูญเสียทางเศรษฐกิจและสังคมเป็นอย่างสูง
นอกจากนี้ภาวะความต้องการใช้น้ำมันนับวันจะทวีปริมาณความต้องการเพิ่มสูงขึ้นตามอัตราการเพิ่มของประชากร
การขยายพื้นที่เกษตรกรรมและการเจริญเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรม
|
|
|
ดังนั้น เป็นเวลาเกือบ 10 ปีก่อนที่จะเริ่มโครงการพระราชดำริฝนเทียม หรือฝนหลวง
ในปี พ.ศ.2512
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทุ่มเทเวลาคิดค้นและวิจัยเพื่อที่จะนำเทคโนโลยีการทำฝนในประเทศไทยซึ่งอยู่ในภูมิภาคเขตร้อนมาใช้เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันและบรรเทาสภาวะแห้งแล้งนอกเหนือจากการบำรุงรักษาต้นน้ำลำธาร
การปลูกป่า และการสร้างระบบชลประทาน เพื่อให้ครบวัฏจักรของน้ำ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
โดยสำนักงานปฏิบัติการฝนหลวงได้ดำเนินการสนองพระราชดำริในการจัดตั้งโครงการค้นคว้าทดลองการทำฝนเทียมและการทดลองกับเมฆในท้องฟ้าเป็นครั้งแรกในปี
พ.ศ.2512 โดยการโปรยน้ำแข็งแห้ง (คาร์บอนไดออกไซด์แข็ง)
จากเครื่องบินเข้าสู่ยอดของเมฆคิวมูลัส
ซึ่งเป็นเมฆชนิดที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการปฏิบัติการให้เกิดฝน
โดยขึ้นบินปฏิบัติการทดลองครั้งแรกเมื่อวันที่ 20 กรกฏาคม พ.ศ.2512 ณ
บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ เมฆที่ทดลองเป็นเมฆคิวมูลัส ฐานสูงประมาณ 3,900
ฟุต ยอดสูงประมาณ 5,600 ฟุต ปรากฎว่า หลังการปฏิบัติการประมาณ 15 นาที
ก้นเมฆรวมตัวกันหนาแน่น ก่อยอดสูงและมีขนาดใหญ่ขึ้น
สีของฐานเมฆได้เปลี่ยนจากสีขาวเป็นสีเทาเข้ม พร้อมที่จะตกเป็นฝน
แต่ไม่สามารถสังเกตเห็นฝนตกได้เพราะยอดเขาบัง
ต่อมา
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงแนะนำให้เปลี่ยนสถานที่ทดลองจากอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อำเภอปากช่อง
จังหวัดนครราชสีมา ไปใช้บริเวณศูนย์โครงการพัฒนาชนบทไทย-อิสราเอล อำเภอชะอำ
จังหวัดเพชรบุรี และศูนย์โครงการพัฒนาหมู่บ้านเขาเต่า อำเภอหัวหิน
จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เป็นสถานที่เป้าหมายทดลอง
เพราะบริเวณพื้นที่ทั้งสองแห่งดังกล่าวได้ประสบความแห้งแล้งติดต่อกันมาหลายปี
การติดตามสังเกตการทดลองทำได้ดีกว่าเพราะสามารถขอความร่วมมือจากตำรวจตระเวนชายแดน
ซึ่งปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวเทือกเขาตะนาวศรีด้านตะวันตก
บริเวณเหนือลมของพื้นที่เป้าหมายทดลองและรายงานผลได้อย่างรวดเร็ว
โดยผ่านข่ายสื่อสารของกรมตำรวจ
และหากมีฝนตกมากเกินความต้องการก็สามารถระบายลงสู่ทะเลได้
ซึ่งจะไม่ก่อให้เกิดอุทกภัยทำความเสียหายแก่ราษฎรด้วย
ดังนั้น
สถานที่สำหรับดำเนินการทดลองปฏิบัติการในระยะต่อมาจึงเป็นบริเวณพื้นที่ดังกล่าวข้างต้น
และผลการทดลองต่อๆ มา ก็สามารถทำให้เกิดฝนตกหนักในพื้นที่เป้าหมายได้
อ่านหน้าต่อไป |