ความทั่วไป
การพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเพาะปลูกหรือการชลประทาน นับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญ
นับว่าเป็นงานที่มีความสำคัญ
และมีประโยชน์อย่างยิ่งสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ของประเทศที่เป็นประเทศเกษตรกรรม
เช่น ประเทศไทยในการช่วยให้เกษตรกรทำการเพาะปลูกได้อย่างสมบูรณ์ตลอดปี
ในปัจจุบันพื้นที่การเพาะปลูกส่วนใหญ่ในทุกภาคของประเทศ
เป็นพื้นที่เพาะปลูกนอกเขตชลประทาน
ซึ่งการเพาะปลูกอาศัยเพียงน้ำฝนและน้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติเป็นหลัก
ทำให้พืชได้รับน้ำไม่สม่ำเสมอตามที่พืชต้องการ
เป็นผลให้ผลิตผลที่ได้รับไม่ดีเท่าที่ควร
อีกทั้งความผันแปรเนื่องจากฝนตกไม่พอเหมาะกับความต้องการเสมอๆ
เป็นเหตุให้การเพาะปลูกได้รับความเสียหายอยู่บ่อยๆ ส่วนใหญ่แล้วในเขตภาคกลาง
ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มักมีฝนตกน้อยประมาณเดือนกรกฎาคม
ทำให้เกิดสภาวะฝนแล้ง ฝนที่ช่วงเป็นเวลานานในระหว่างฤดูฝนเป็นประจำเกือบทุกปี
พอถึงเดือนสิงหาคมหรือกันยายน
ในเขตพื้นที่ดังกล่าวเช่นกันก็มักจะมีฝนตกหนักมากเกินความต้องการจนบางปีก็เกิดอุทกภัยอย่างรุนแรง
ทั้งสภาวะฝนแล้งและอุทกภัยล้วนเป็นเหตุทำให้พืชผลในพื้นที่เพาะปลูกได้รับความเสียหาย
ปัญหานี้สามารถที่จะแก้ได้โดยการชลประทานหรือการพัฒนาแหล่งน้ำ
ปัญหาและการพัฒนาแหล่งน้ำ
อุปสรรคทางธรรมชาติเป็นปัญหาของการพัฒนาแหล่งน้ำมี 3 ประการ ดังต่อไปนี้
1.
ปัญหาเกี่ยวกับสภาพแหล่งน้ำธรรมชาติที่มีประมาณน้ำน้อย
หรือในบริเวณที่ไม่มีแหล่งน้ำเลย มักพบกันทั่วทุกภาคของประเทศ
2.
ปัญหาเกี่ยวกับสภาพภูมิประเทศ
เป็นปัญหาจากการที่สภาพภูมิประเทศไม่เหมาะสมกับการสร้างเขื่อนกักเก็บน้ำ
ซึ่งเป็นปัญหาที่มีอยู่ทั่วทุกภาคของประเทศ อย่างเช่น
ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ซึ่งมีสภาพพื้นที่โดยทั่วไปค่อนข้างแบนราบไปตลอด
สภาพภูมิประเทศเช่นนี้ไม่เอื้ออำนวยต่อการสร้างงานพัฒนาแหล่งน้ำที่ให้ประโยชน์คุ้มค่าตามที่ต้องการได้
3.
ปัญหาเกี่ยวกับที่ดิน
ในบางท้องที่เรื่องที่ดินเป็นปัญหาสำคัญทำให้ไม่สามารถดำเนินการก่อสร้างแหล่งน้ำที่เหมาะสมได้
อย่างเช่น
โครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ที่พื้นที่เพาะปลูกของราษฎรจำนวนมากต้องถูกน้ำท่วม
และทางราชการไม่สามารถจัดหาพื้นที่จัดสรรชดเชยให้ได้
แนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ
แนวพระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ หรือพระบรมราโชบายของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่พระราชทานกับส่วนราชการต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องสำหรับใช้เป็นแนวทางปฏิบัติพอสรุปได้ดังนี้
1.
พระราชดำริเกี่ยวกับการพัฒนาแหล่งน้ำ ที่พระราชทานให้กับส่วนราชการต่างๆ
ที่เกี่ยวข้องรับไปพิจารณาดำเนินการเพื่อช่วยเหลือราษฎรต่อไปนั้น
เป็นแต่เพียงพระราชทานเป็นแนวทางให้เจ้าหน้าที่นำไปพิจารณา
โดยส่วนราชการที่รับพระราชทานพระราชดำริไป
จะต้องพิจารณาศึกษาและวางโครงการโดยละเอียดให้ถูกต้องตามหลักวิชาการเสมอ
หางโครงการใดทำการศึกษาโดยละเอียดแล้วปรากฎว่าไม่มีความเหมาะสม เช่น
ฐานรากของเขื่อนเก็บกักน้ำไม่ดี ค่าก่อสร้างเขื่อนมีราคาสูงมากจนไม่เหมาะสม
หรือบางโครงการที่วางโครงการไว้ในแผนที่มาตราส่วน 1
:
50,000 แล้วมีความเหมาะสม แต่เมื่อได้สำรวจรายละเอียดภูมิประเทศจริงๆ
แล้วปรากฎว่าสภาพภูมิประเทศมีความคลาดเคลื่อนมากจนไม่สามารถดำเนินการ
ก็ให้ส่วนราชการนั้นระงับการก่อสร้างโครงการนั้นได้
อ่านหน้าต่อไป |