|
การดำเนินงานตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ และพระบรมราชวงศ์นั้น
เป็นที่แจ้งชัดในหมู่ประชาชนชาวไทยดีแล้วว่า
เป็นการดำเนินงานที่มุ่งพัฒนาและช่วยเหลือพสกนิกรโดยทั่วไป
โดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา และชั้นวรรณะ
โดยเฉพาะผู้ที่ยากไร้ที่ประสบปัญหาต่างๆ อันกระทบถึงสภาพการดำรงชีพของเขา
พระราชดำริต่างๆ นี้ได้ก่อให้เกิดโครงการติดตามมา ดังที่เรียกกันว่า
"โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ"
ซึ่งกระจายอยู่ทั่วไปในทุกภูมิภาคของประเทศ ในหลายประเภท หลายสาขา รวมประมาณ
๑,๐๐๐ โครงการ
ปฐมเหตุแรกเริ่มที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้มีพระราชหฤทัยมุ่งมั่นในการที่จะยังประโยชน์ให้แก่ประชาชนนั้น
อาจพิเคราะห์ได้จากพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช
เรื่อง "เมื่อข้าพเจ้าจากสยามมาสู่สวิสเซอร์แลนด์" เมื่อวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๔๘๙
ความตอนหนึ่งว่า
"...รถแล่นผ่านฝูงคนไปอย่างช้าที่สุด ถึงวัดเบญจมบพิตร รถแล่นเร็วขึ้นได้บ้าง
ตามทางที่ผ่านมา ได้ยินเสียงใครคนหนึ่งร้องขึ้นมาดังๆ ว่า " อย่าละทิ้งประชาชน
" อยากจะร้องบอกเขาลงไปว่า ถ้าประชาชนไม่ "ทิ้ง" ข้าพเจ้าแล้ว ข้าพเจ้าจะ
"ละทิ้ง" อย่างไรได้..."
ต่อมาประมาณ ๒๐ ปี
ได้ทรงพบราษฎรผู้นั้น และได้มีพระราชกระแสรับสั่งว่า "
นั่นแหละทำให้เรารำลึกถึงหน้าที่ จึงต้องกลับมา"
ครั้นเมื่อเสด็จขึ้นเถลิงถวัลยราชสมบัติ
เมื่อวันศุกร์ที่ ๕ พฤษภาคม ๒๔๙๓
ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมพระราชทานพระปฐมบรมราชโองการว่า "
เราจะครองแผ่นดินโดยธรรม เพื่อประโยชน์สุขแห่งมหาชนชาวสยาม"
ซึ่งก็เป็นสิ่งที่ชัดเจนตราบจนทุกวันนี้ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ได้ทรงยึดถือ "ธรรม" ดังกล่าวเป็นหลักในการปฏิบัติพระราชกรณียกิจตลอดมา
จนเป็นผลให้เกิดความมั่นคงของประเทศ
และความอยู่รอดปลอดภัยของประชาชนในด้านต่างๆ เป็นสำคัญ
เริ่มตั้งแต่ครั้งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ นิวัติคืนสู่กรุงเทพมหานคร
ในปี พ.ศ. ๒๔๙๔
ก็ทรงพยายามแก้ไขปัญหาของชาติและประชาชนอยู่ตลอดเวลาควบคู่ไปกับการทรงปฏิบัติพระราชกิจต่างๆ
ทั้งในด้านพระราชพิธีและรัฐพิธี ซึ่งมีอยู่ในแต่ละปีอย่างมากมาย
และหากจะเริ่มกันจริงๆ แล้ว
โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริที่เป็นกิจกรรมการช่วยเหลือประชาชนนั้น
ก็ได้เริ่มขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๔ เป็นต้นมา
ในแง่ของการพัฒนาสังคมและการปกครอง เช่น
กิจกรรมเกี่ยวกับการจัดทำภาพยนตร์ส่วนพระองค์เพื่อหาทุนสร้างอาคารทางการแพทย์ของโรงพยาบาลต่างๆ
กิจกรรมเกี่ยวกับการต่อสู้โรคเรื้อนของสถาบันราชประชาสมาสัย
กิจกรรมเกี่ยวกับการป้องกันรักษาโรคโปลิโอ อหิวาตกโรค
โครงการจัดตั้งโรงเรียนสงเคราะห์เด็กยากจน ฯลฯ
รวมทั้งกิจกรรมเกี่ยวกับการที่ทรงมีส่วนร่วมในการร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี ๒๔๗๕
แก้ไขเพิ่มเติม ๒๔๙๕
ส่วนโครงการที่เกี่ยวกับการพัฒนาท้องถิ่นหรือพื้นที่ทุรกันดารในชนบทนั้น
โครงการที่น่าจะนับได้ว่าเป็นโครงการแรก คือ
โครงการสร้างถนนเข้าไปในหมู่บ้านห้วยมงคล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ในปี พ.ศ.๒๔๙๕ ในช่วงที่เสด็จแปรพระราชฐาน ณ พระตำหนักไกลกังวล
หลังจากนั้น กิจกรรมการพัฒนาตามพระราชดำริในลักษณะของโครงการต่างๆ
ก็ได้เกิดขึ้นตามลำดับ
โครงการเหล่านี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเริ่มต้นดำเนินการมาตั้งแต่ปี พ.ศ.๒๔๙๕
โดยทรงเริ่มศึกษาหาข้อมูลและทดลองปฏิบัติจาพื้นที่จริง
ทั้งในพระราชวังสวนจิตรลดา และพื้นที่อื่นๆ อีกตามความเหมาะสม
และทรงปฏิบัติด้วยพระองค์เอง ตลอดจนได้ใช้ทุนทรัพย์ส่วนพระองค์ด้วย ทั้งนี้
เพื่อขยายผลที่ได้รับสู่ราษฎรต่อไป
จนต่อมารัฐบาลเห็นว่าโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริเหล่านี้ได้มีส่วนสำคัญในการสนับสนุนและเสริมงานปกติของรัฐให้ได้ผลสมบูรณ์และกว้างขวางขึ้น
และสอดคล้องกับแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ
รวมทั้งทำให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากยิ่งขึ้น อย่างคุ้มค่าแก่การลงทุน
จึงได้รับสนองพระราชดำริโดยการจัดตั้งองค์กรขึ้นมาเป็นพิเศษในการดำเนินงานต่างๆ
ตราบจนทุกวันนี้
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีพระราชกระแสรับสั่งอยู่เสมอว่า
พระราชดำริของพระองค์นั้น เป็นเพียงข้อเสนอแนะเท่านั้น
เมื่อรัฐบาลได้ทราบแล้วก็ควรจะไปวิเคราะห์พิจารณา กลั่นกรองตามหลักวิชาก่อน
เมื่อมีความเป็นไปได้และมีประโยชน์คุ้มค่าและเห็นสมควรทำ
ก็เป็นเรื่องที่จะต้องพิจารณาตัดสินใจเอง
และในกรณีที่วิเคราะห์พิจารณาแล้วเห็นว่าไม่เหมาะสมก็ล้มเลิกไปได้
ดังนั้น
องค์กรดังกล่าวที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้น ซึ่งเรียกว่า
"คณะกรรมการพิเศษเพื่อประสานงานโครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำริ" (กปร.)
จึงมีหน้าที่ในการวิเคราะห์พิจารณา กลั่นกรอง
โดยประสานกับหน่วยราชการที่เกี่ยวข้องในการสนองพระราชดำริต่างๆ ที่เกิดขึ้น
รวมทั้งติดตามประเมินผลโครงการเหล่านี้ด้วย |
|