แนวทางที่สำคัญอีกประการหนึ่ง คือ การที่ทรงพยายามเน้น คือ
การที่ทรงพยายามเน้นมิให้เกษตรกรพึ่งพาอยู่กับพืชเกษตรแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะจะเกิดความเสียหายง่าย
เนื่องจากความแปรปรวนของตลาดและความไม่แน่นอนของธรรมชาติ ทางออกคือ
เกษตรกรควรจะต้องมีรายได้เพิ่มขึ้นนอกเหนือไปจากภาคเกษตร เช่น
การอุตสาหกรรมในครัวเรือน ดังเช่นในโครงการส่งเสริมศิลปาชีพพิเศษที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ
พระบรมราชินีนาถ ทรงดำเนินงานสนับสนุนงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
ในปัจจุบัน
นอกจากนั้น ทรงเห็นว่า
การพัฒนาฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติจะมีผลโดยตรงต่อการพัฒนาการเกษตร
จึงทรงมุ่งที่จะให้มีการพัฒนาและอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ
เพื่อเป็นรากฐานของการพัฒนาประเทศในระยะยาว
ทรงสนพระราชหฤทัยอย่างยิ่งต่อการที่จะทะนุบำรุง
ปรับปรุงสหภาพของทรัพยากรธรรมชาติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นป่าไม้ ที่ดิน แหล่งน้ำ ฯลฯ
ให้อยู่ในสภาพที่จะมีผลต่อการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตอย่างมากที่สุด
|
|
|
|
|
|
จากแนวทางและเป้าหมายต่างๆ ดังกล่าว
มีแนวพระราชดำริที่ถือเป็นหลักเกณฑ์หรือเทคนิควิธีการที่จะบรรลุถึงเป้าหมายนั้นหลายประการ
ประการแรก ทรงเห็นว่า
การพัฒนาการเกษตรที่จะได้ผลจริงจังนั้น จะต้องลงมือทดลองค้นคว้า
ต้องปฏิบัติอย่างค่อยเป็นค่อยไป มีพระราชดำรัสว่า
"...เกษตรกรรมนี้ หรือความเป็นอยู่ของเกษตรกรนั้น ขอให้ปฏิบัติ
ไม่ใช่ถือตำราเป็นสำคัญอย่างเดียว..."
และเป็นที่ทราบกันดีว่า
โดยส่วนพระองค์เองก็ได้ทรงทำให้อาณาเขตพระราชฐานสวนจิตรลดาบางส่วนกลายเป็นสถานีค้นคว้า
ทดลอง ทางการเกษตรในทุกๆ ด้านมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2505
สำหรับการค้นคว้าทดลองนั้น
ได้ทรงเน้นให้มีทั้งก่อนการผลิตแหละหลังจากผลิตแล้ว คือ
พิจารณาดูตั้งแต่เรื่องความเหมาะสมของพืช ความเหมาะสมของดิน
พืชอย่างใดจะเหมาะสมกับดินประเภทใด
รวมทั้งการค้นคว้าเกี่ยวกับความต้องการของตลาด คือ การปลูกพืชที่ตลาดต้องการ
ผลิตออกมาแล้วมีที่ขาย ส่วนการค้นคว้าวิจัยหลังการผลิตคือ
การดูเรื่องความสอดคล้องของตลาด เรื่องคุณภาพของผลผลิต
หรือทำอย่างไรจึงจะให้เกษตรกรได้มีความรู้เบื้องต้นในด้านการบัญชีและธุรกิจการเกษตรในลักษณะที่พอจะทำธุรกิจแบบพึ่งตนเองได้
สำหรับในเรื่องนี้ทรงเห็นว่า
การรวมกลุ่มกันของเกษตรกรเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่จะช่วยได้เป็นอย่างดี
อย่างไรก็ตาม
ในเรื่องของการเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตนั้น
ทรงให้ความสำคัญกับการพัฒนาเรื่องคุณภาพชีวิตของเกษตรกรในระยะยาว
พระราชประสงค์ของพระองค์ที่จะให้เกษตรกรได้มีความเจริญก้าวหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป
และมีสภาพชีวิตที่มีความสุข
ไม่เคร่งเครียดกับการเร่งรัดให้เกิดความเจริญโดยรวดเร็วนั้น
นอกเหนือจากเรื่องที่ทรงเน้นในเรื่องการผลิตอาหารให้เพียงพอแล้ว
จะเห็นได้ชัดเจนจากพระราชดำรัสที่ว่า
"...ไม่จำเป็นต้องส่งเสริมผลผลิตให้ได้ปริมาณสูงสุดแต่เพียงอย่างเดียว
เพราะเป็นการสิ้นเปลืองค่าโสหุ้ย และทำลายคุณภาพดิน
แต่ควรศึกษาสภาวะการตลาดการเกษตร
ตลอดจนการควบคุมราคาผลิตผลไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน.."
เทคนิควิธีการในการพัฒนาการเกษตรของพระองค์อีกประการหนึ่ง คือ
การที่ทรงเน้นการใช้ประโยชน์ หรือการมองหาประโยชน์จากธรรมชาติให้มากที่สุด เช่น
การใช้ที่ดินที่ปล่อยทิ้งไว้เปล่าๆ ให้เป็นประโยชน์
หรือการมองหาประโยชน์จากธรรมชิตในสิ่งที่ผู้อื่นนึกไม่ถึง เช่น
ครั้งหนึ่งทรงสนับสนุนให้มีการทำครั่งจากต้นจามจุรีที่ขึ้นอยู่ริมทางหลวงที่จะเสด็จฯ
ไปพระราชวังไกลกังวล มีพระราชดำรัสว่า
" เกิดจากความคิดที่จะเอาต้นก้ามปูมาทำให้ประชาชนมีงานทำ แล้วรวมเป็นกลุ่ม "
อ่านหน้าต่อไป |