กลุ่มที่ 5 (กลุ่มย่อย) สมุนไพรกลุ่มนี้
ช่วยให้ผิวพรรณสะอาด ดูสดใส ได้แก่ เหง้าขมิ้นชัน
ใบส้มเสี้ยว มะขาม ผลมะคำดีควาย เปลือกขี้หนอน บวบขม
เนื้อไม้พญายา (พม่าเรียก "ทนาคา" )
สมุนไพรกลุ่มนี้จะมีสารช่วยบำรุงผิว เช่น พญายา
ขมิ้นชัน ฯลฯ และอีกกลุ่มหนึ่งมีสารช่วยชะล้าง
จึงทำให้ผิวพรรณสะอาดและนุ่มนวลขึ้น เช่น มะขาม
ใบส้มเสี้ยว ฯลฯ
กลุ่มที่ 6 (กลุ่มย่อย)
สมุนไพรกลุ่มนี้จะเป็นพวกประทินผิวให้ผิวนุ่ม และเนียน
ได้แก่น้ำมันมะกออกโอลีฟ น้ำมันงาเชย (การบีบ
"น้ำมันงา" โดยไม่ใช้ความร้อน) ฯลฯ อาจจะเทใส่ลงในหม้อ
หรือใช้นวดขณะออกมาพัก
ซึ่งการใช้น้ำมันพวกนี้มานวดตัวจะได้ผลดีกว่าใส่ลงในหม้อ
บุคคลที่ไม่ควรอาบสมุนไพร
-
ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูง
เพราะถ้าอบอยู่ในห้องอบที่ร้อนนานๆ
ความดันจะสูงขึ้น อาจจะเป็นอันตรายได้
-
ผู้ที่เป็นโรคหัวใจ
เมื่อเข้าอบในห้องที่มีอุณหภูมิ 40-42
องศาเซลเซียส นานๆ อาจจะหายใจไม่ทันและอาจจะเป็นลม
ถ้าไม่มีคนพบเห็นอาจเป็นอันตราย
-
โรคลมบ้าหมู
หอบหืดระยะรุนแรงไม่ควรเข้าอบ
-
ผู้ที่กำลังเป็นไข้ค่อนข้างสูง
เพราะความร้อนในห้องอบจะทำให้อุณหภูมิในร่างกายของคนไข้สูงขึ้น
-
กำลังปวดศีรษะอย่างรุนแรงและมีคลื่นไส้อาเจียน
ไม่ควรอบ
-
มีบาดแผล
ความร้อนจากห้องอบ
จะทำให้การไหลเวียนของโลหิตเพิ่มขึ้น
เลือดอาจจะออกมาอีก หรือออกมากขึ้น
-
เด็กอายุต่ำกว่า 10 ขวด
-
หญิงมีครรภ์
ความร้อนอาจจะส่งผลไปถึงเด็กได้ ถ้าอบบ่อยๆ
-
ผู้ที่เป็นโรคติดต่อ เช่น วัณโรค เรื้อน
ไม่ควรให้เข้าอบ
เพราะเชื้อโรคอาจแพร่กระจายไปสู่บุคคลอื่นๆ
ข้อควรระวัง
-
อุณหภูมิของห้องเมื่อแรกเข้าอบ ควรให้อุณหภูมิต่ำๆ
ก่อน แล้วเพิ่มอุณหภูมิต่อไปจนถึง 40-42
องศาเซลเซียส
-
เมื่ออบได้
10-15 นามี ควรออกจากห้องอบมานวดหรือทายา
และเวลาในการเข้าอบทั้งหมดไม่ควรเกิน 35 นาที
-
ขณะออกมาพัก
ควรดื่มน้ำอุ่นมากๆ
เพื่อทดแทนน้ำที่ออกมาเป็นเหงื่อ
-
อบเสร็จ
ให้นั่งพักให้เหงื่อแห้ง แล้วจึงอาบน้ำ
-
ไม่ควรเอาเตาไฟเข้าไปในกระโจมหรือห้องอบที่มีผู้อบนั่งอยู่
เพราะ
- ห้องหรือกระโจมแคบๆ
เตาไฟอาจล้มหกลวกผู้ที่เข้าอบ
- เตาไฟขณะมีการเผาไหม้
จะเกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
ซึ่งจะอบอวลอยู่ในห้องแคบๆ ถ้าผู้อบสูดดมเข้าไปมาก
อาจเป็นอันตรายได้
จะเห็นได้ว่า การ " อบอาบสมุนไพร" เป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมไทยและภูมิปัญญาไทย
ในการดูแลสุขภาพของคนไทยมาช้านาน
และมีการใช้สืบทอดกันมาตลอดเวลาในชนบท
ปัจจุบันกลับรื้อฟื้นและกำลังได้รับความนิยมกันอย่างแพร่หลาย
"สำหรับการรักษาสุขภาพ
ช่วยเสริมสุขภาพ และการบำบัดรักษาโรคบางโรค"
ดังนั้น
น่าจะมีการส่งเสริมให้ประชาชนทั่วไปเห็นคุณค่าของการอบอาบสมุนไพร
ซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้สุขภาพดีขึ้น
ทั้งยังเป็นการส่งเสริมผู้ปลูกสุมนไพรและเป็นการอนุรักษ์วัฒนธรรมไทยในการดูแลสุขภาพของคนไทย
โดยใช้ทรัพยากรในประเทศไทย. |