บันทึกเอื้องดินดอย
(Memories
of Mountainous Terrestrial Orchids)
โดย
ดร.ฉันทนา สุวรรณธาดา
ใครเลยจะคิดว่าการที่คนกลุ่มเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง
ที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิแตกต่างกัน จะมีศูนย์รวมของ จิตใจอยู่รอบ ๆ
ต้นไม้กลุ่มหนึ่ง
ต้นไม้ที่พวกเขาไม่เคย คิดว่าจะมีอิทธิพลต่อจิตใจ
เกิดความสุขและตื่นเต้น เมื่อแรกพบ
อยากนำมาฟูมฟักให้เติบโตและอยู่รอด
ในสภาพแวดล้อมที่แตกต่างไปจากบ้านเกิด
ร่วมจุดมุ่งหมายเดียวกัน
คือได้เก็บรักษาต้นพันธุ์พืชเหล่านั้นไว้ในที่ที่ปลอดภัย ให้รอดจากการเบียดเบียนของคนบางคนบางกลุ่มที่จะฉกฉวยไปใช้ประโยชน์จนไม่เหลือให้เก็บให้รอดและให้ปลอดจากภัยธรรมชาตินานาประการ
อันเกิดจากการตัดไม้ทำลายป่าอยู่รอดเพื่อ
สักวันหนึ่งจะได้เอื้อประโยชน์ให้แก่มวลชน
เมื่อปลายปี พ.ศ.
2543
เจ้าหน้าที่และผู้ร่วมงาน
ซึ่งปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ปลูกรักษาพันธุกรรมพืช อพ.สธ.
ภายในศูนย์ศึกษาการพัฒนาห้วยฮ่องไคร้
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ
ได้พบช่อดอกของพืชเกิดออกมาเป็นกลุ่มจากพื้นดินบริเวณโคนต้นไม้พื้นถิ่น
ก้านช่อยืดตัวยาว
มีดอกสีเขียวปนแดง กระจายเป็น ระยะๆ
ที่ส่วนปลายของช่อ
ช่อดอกเหล่านี้เกิดออกมาจากหัวที่มีลักษณะป้านที่โคนและเรียวไปทางปลาย
มีข้อปล้องเห็นชัดเจน
ลักษณะคล้ายหน่อไม้เกิดขึ้นมา เป็นกลุ่มจากการแตกกอ
ในระยะที่ดอกบานไม่พบว่า ต้นพืชเหล่านี้มีใบ
จึงให้เกิดความสงสัยว่าพืชกอนี้คืออะไร
เหตุใดจึงมาเจริญเติบโต ณ
จุดที่ไม่ได้เคยพบว่ามีมาก่อน
เวลาต่อมาได้เรียนรู้ว่าพืชนั้นคือ กล้วยไม้ดิน
ซึ่งอยู่ในกลุ่มที่เรียกกันว่าช้างผสมโขลง โดยที่เป็นชนิด
ที่มีชื่อว่า
Eulophia graminea
Lindl.
เป็นพวกที่ออกดอกก่อนใบ
เมื่อดอกโรยและติดฝักแล้ว ใบจึงเกิดตามมา
กล้วยไม้ต้นนี้สร้างความตื่นเต้น
ให้แก่คณะปฏิบัติงานในพื้นที่ดังกล่าวยิ่งนัก ด้วยไม่เคย นึกกัน
มาก่อนว่าจะมีกล้วยไม้ดินในพื้นที่ที่ตนคุ้นเคย
จากนั้นการสำรวจอย่างไม่เป็นทางการจึงเกิด
ขึ้นโดยกลุ่มพันธมิตรต่างวัยวุฒิและคุณวุฒิ
ด้วยการเดินสำรวจในพื้นที่ที่เป็นเนินสูงต่ำของป่าเต็งรังซึ่งมีต้นพืชอนุรักษ์ของ
อพ.สธ.
ปลูกแทรกอยู่กับต้นไม้ป่าดั้งเดิม
อยู่ในพื้นที่ร่วม
250
ไร่
ผลคือพบกล้วยไม้ดิน หรือ
เอื้องดินในภาษาถิ่นของพันธมิตรพื้นถิ่นอีก
2
ชนิด เจริญเติบโตอยู่ไม่ไกลกันนัก
โชว์ดอกตามฤดูกาล
ได้แก่ นางอั้วชนิด
Habenaria housseusii
Schltr.
เพียงไม่กี่ต้น ในพื้นที่โล่งแจ้งระหว่างไม้ใหญ่
และ
ชนิดนางตายตัวผู้
(H. lindleyana Steud.)
ที่พบว่าอยู่กันเป็นกลุ่มใต้ต้นไม้
ใหญ่
ความสงสัยบังเกิด
ในเมื่อพันธมิตรแรงงานยืนยันว่า
การมีต้นกล้วยไม้ดินบานดอกสวยงามในพื้นที่ที่เขาทั้งหลายคุ้นเคยและตรวจตราอยู่เสมอนั้น
เป็น สิ่งที่ไม่ธรรมดา
ผู้อาวุโสจึงสั่งการให้พันธมิตรออกเดินดู
กล้วยไม้อิงอาศัยในพื้นที่นั้นบ้าง
พบว่า
บนต้นไม้ป่าที่ได้มีกล้วยไม้อิงอาศัยเกาะอยู่และ มีดอกบานอยู่ทุกปี
รวมไปถึงต้นไม้ข้างเคียงซึ่งไม่เคยมีต้นกล้วยไม้เกาะอยู่เลยนั้นได้มีลูกกล้วยไม้หลายขนาด
ตั้งแต่ขนาดจิ๋ว ไปจนถึงขนาดค่อนข้างใหญ่กระจายตัว
แทรกอยู่ตามเปลือกไม้
มากมายไปหมด
บางตาบ้าง
หนาตาบ้าง
และลูกกล้วยไม้ดังกล่าวเจริญเติบโตพร้อมกับเพิ่มปริมาณมากขึ้นตามเวลาที่ผ่านไป
ข้อมูลเหล่านี้แสดงถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น
กับการกระจายพันธุ์ของกล้วยไม้ในพื้นที่ปลูกรักษา อพ.สธ.
อย่างชัดเจน
การวิเคราะห์หาข้อมูลในเวลาต่อมา เพื่อสนับสนุนให้คลายสงสัย
มาหยุดอยู่ที่ความเป็นไปได้
ของการมีปัจจัยที่เหมาะสมซึ่งเอื้ออำนวยต่อการกระจายพันธุ์ของกล้วยไม้ป่าในพื้นที่ปลูกรักษาพันธุกรรมพืช
อพ.สธ.
โดยที่มีข้อสรุปว่าพื้นที่ปลูกรักษาผืนนี้นั้น
แต่เดิมมีสภาพเป็นป่าเต็งรังที่รับน้ำฝน ซึ่งจะแล้งจัดตลอดหน้าแล้ง
แต่ต่อมาพื้นที่ผืนนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นเขตป่าพื้นฟูด้วยระบบชลประทานตามแนวพระราชดำริ ในรูปแบบของการสร้างฝายต้นน้ำลำธาร
เพื่อกระจายความชุ่มชื้นให้แก่พื้นที่
ซึ่งวิธีการดังกล่าว
มีผลในการช่วยให้ความอุดมสมบูรณ์และความชุ่มชื้น
ของพื้นที่ปลูกรักษาเพิ่มขึ้นตามเวลานานปีที่ผ่านไป
ส่งผลให้สภาพนิเวศน์ของพื้นที่เหมาะสมต่อการเจริญ
เติบโต และกระจายพันธุ์ของต้นกล้วยไม้ ที่มีอยู่เดิม
และเอื้อเฟื้อไปถึงการเป็นที่อาศัยอพยพให้แก่ลูก
กล้วยไม้ที่เจริญเติบโตจากเมล็ดของกล้วยไม้ชนิดอื่น ๆ
ที่ปลิวกระจายมาจากป่าที่อยู่เหนือ ขึ้นไป
ทำให้พบว่ามี
ชนิดของกล้วยไม้ที่แปลกไปจากกลุ่มที่เคยพบเห็น อยู่ดั้งเดิม |