คำปรารภ..
           แรงบันดาลใจจากการที่ได้อ่านหนังสือ " หอมกลิ่นดอกไม้"  ซึ่งเป็นหนังสือแจกในงานพระราชทานเพลิงศพของ คุณประไพ กันตารัติ ประกอบกับที่ ผศ.พัชรา ลิมปนะเวช จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทายาทของคุณประไพได้นำหนังสือหอมกลิ่นดอกไม้ขึ้นทูลเกล้าฯ ถวาย สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อใช้ประโยชน์ในงาน " สวนพฤกษศาสตร์โรงเรียน" ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจกรรมสร้างจิตสำนึกในการอนุรักษ์พันธุกรรมพืช ของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ  ที่สำคัญผู้ที่ช่วยกันจัดทำหนังสือเล่มนี้คือ  รศ. ดร.อบฉันท์ ไทยทอง , รศ.บุศบรรณ ณ สงขลา และ รศ.วิยดา เทพหัตถี อาจารย์จากคณะพฤกษศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ทั้งสามท่านเป็นที่ปรึกษาและผู้เชี่ยวชาญด้านพฤกษศาสตร์ของโครงการฯ โดยที่ท่านกรุณาให้ความรู้อบรมและติดตามการดำเนินกิจกรรมมาโดยตลอด  โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโครงการ"นักพฤกษศาสตร์น้อย" ของโรงเรียนสาธิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ในเรื่องตำราด้านพฤกษศาสตร์ท่านก็ช่วยสรรหาแนะนำหนังสือที่ให้ความรู้ด้านพฤกษศาสตร์ที่เหมาะสมให้กับโรงเรียนต่างๆนำไปใช้ศึกษาอ้างอิง รวมถึงหอมกลิ่นดอกไม้เล่มนี้ด้วย  แต่ด้วยเหตุที่หนังสือนี้มีจำนวนไม่เพียงพอที่จะมอบให้กับโรงเรียนสมาชิก  ทางโครงการฯ จึงขออนุญาตเจ้าของหนังสือคัดลอกข้อมูลทำเป็นเวบเพจ เปิดเป็นสื่อสาธารณะให้กับโรงเรียนสมาชิกและผู้ที่สนใจได้เข้ามาสืบค้นข้อมูลเพื่อนำไปใช้ประโยชน์ตามวัตถุประสงค์  อนึ่ง บางส่วนของข้อมูลที่เพิ่มเติมมานั้นได้มาจากหนังสือ "ไม้ดอกหอม" ของ ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น (สำนักพิมพ์บ้านและสวน) ดร.ปิยะ เป็นนักวิจัยคนสำคัญที่มีส่วนร่วมสนองพระราชดำริในงานโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ มาโดยตลอด โดยเฉพาะศึกษาและอนุรักษ์ไม้วงศ์จำปา (ถือโอกาสขอบคุณ ดร.ปิยะ เฉลิมกลิ่น เอาไว้ ณ ที่นี้ด้วย) และสุดท้ายนี้ ใคร่ขอคัดลอกคำชี้แจงของผู้รวบรวมและผู้จัดทำหนังสือเล่มนี้ไว้ด้านล่างเพื่อให้ทราบถึงที่มาของข้อมูลหนังสือดังกล่าว

คำชี้แจงของผู้รวบรวม....(ศาสตราจารย์กสิน  สุวตะพันธุ์)

            ดอกไม้ในเมืองไทยของเรานั้น ส่วนมากจะแลดูไม่สวยงามสะดุดตา แต่ก็มีกลิ่นหอมชวนดมอยู่มากมาย เมื่อพูดถึงเรื่องกลิ่นหอมของดอกไม้แล้ว ใครๆก็ชอบ (อาจจะเป็นได้ที่มีบางท่านไม่ชอบกลิ่นดอกไม้บางชนิด แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าชอบในบางชนิดเหมือนกัน) เพราะอย่างน้อยแนวคิดในการเปรียบเทียบกลิ่นของดอกไม้ ซึ่งเชื่อมโยงไปถึงความรู้จักพรรณดอกไม้นานาชนิดไปในตัว ยิ่งกว่านั้นเราท่านก็คงจะเชื่อกันได้ว่ากลิ่นหอมดอกไม้นั้น คงจะเป็นเครื่องมืออย่างหนึ่ง ที่ช่วยก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ขึ้นได้อย่างง่ายดาย และส่วนมากก็มักเป็นไปในทางที่ดี ฉะนั้นเองเราจึงนิยมใฝ่หาพันธุ์ไม้ที่มีดอกส่งกลิ่นอันเป็นสุคนธรสมาปลูกประดับไว้ภายในเขตอาคารของตนตามควรแก่วิสัย ฐานะและความเป็นอยู่ด้วยความรื่นรมย์
            พันธุ์ไม้ดอกหอมๆนั้น มีทั้งที่เป็นต้นใหญ่ ต้นน้อย ไม้พุ่มและเครือเถา เวลามีดอกบานก็ส่งกลิ่นกระจายไป มากน้อยตามแต่ชนิดและกาลเวลา ดังเช่นชนิดต่างๆที่นำเสนอไว้ในหนังสือเล่มนี้  โดยเฉพาะอย่างยิ่งพันธุ์ไม้ที่รู้จักมักคุ้นกันในบรรยากาศเมืองไทย

คำชี้แจงของผู้จัดทำ ( รศ.ดร.อบฉันท์ ไทยทอง, รศ.บุศบรรณ ณ สงขลา, รศ.วิยดา เทพหัตถี)

            เรื่อง "หอมกลิ่นดอกไม้" นี้ คณะผู้จัดทำซึ่งเป็นศิษย์ของศาสตราจารย์กสิน สุวตะพันธุ์ เห็นว่าความรู้เกี่ยวกับดอกไม้หอมในเมืองไทยที่อาจได้เคยเขียนไว้ และพิมพ์เป็นธรรมพลี 9 เมื่อ พ.ศ.2528 กับเรื่อง ดอกไม้หอมเมืองไทยที่พิมพ์เผยแพร่ในงานมหกรรมประชาชน ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจัดขึ้นในระหว่างวันที่ 16-29 ธันวาคม พ.ศ.2517 เป็นหนังสือที่รวบรวมความรู้เรื่องดอกไม้หอมเมืองไทยชุดแรก และเป็นหนังสือที่มีคุณค่ายิ่ง ตลอดจนมีความเป็นเอกลักษณ์ของสำนวนภาษาของท่านศาสตราจารย์กสิน จึงได้เลือกชนิดพร้อมคำบรรยายของดอกไม้หอมจำนวนหนึ่งจากหนังสือทั้งสองเล่มมาจัดทำเป็นเรื่อง "หอมกลิ่นดอกไม้" เพื่อเป็นบรรณาการในงานพระราชทานเพลิงศพ คุณประไพ กันตารัติ ตามคำขอของ ผศ.พัชรา ลิมปนะเวช ธิดาของผู้วายชนม์ ในการจัดทำครั้งนี้ได้จัดหารูปสีประกอบ เพิ่มเติมเรื่องฤดูกาลออกดอกที่ยังขาดอยู่ หรือเพิ่มลักษณะอื่นๆ บ้าง ตลอดจนให้ข้อมูลเรื่องถิ่นเดิม เพื่อให้พันธุ์ไม้แต่ละชนิดมีข้อมูลที่สมบูรณ์มากขึ้น ข้อความที่เพิ่มเติมขึ้นมาใหม่นั้นได้จัดพิมพ์โดยใช้ตัวอักษรในลักษณะที่แตกต่างจากข้อความเดิม...