ต้นไม้ในตำนานคริสตศาสนาและบทกวี


<<back

 

 




ในพระคัมภีร์บุ๊คออฟคิงส์ ฮิแรม กษัตริย์แห่งเมืองไทร์ ได้มอบไม้ซีดาร์และไม้สนแก่โซโลมอนเป็นจำนวนมาก มากเท่าที่ต้องการ เพื่อใช้ในการสร้างวิหาร และโซโลมอนก็ได้ถวายข้าวสาลีและน้ำมันบริสุทธิ์แก่พระองค์เป็นการตอบแทน
          ในพระคัมภีร์บุ๊คออฟคิงส์ เล่มที่สอง  กล่าวถึง โมฮัมมัด เอลิจาห์ ผู้สามารถเนรมิตน้ำมันให้กับหญิงม่ายและบุตรชายของเธออีกสองคนอย่างมากมายมหาศาลราวกับปาฏิหาริย์ " จงออกไปถามหาคนโทที่ว่างเปล่าจากเพื่อนบ้านของเจ้า และไม่ต้องถามสิ่งใดๆ เมื่อเจ้ากลับถึงบ้าน จงปิดประตู และเติมน้ำมันลงในคนโททั้งหมดจนกว่าจะเต็ม.." เมื่อคนโททุกใบถูกเติมจนเต็มหมดแล้ว ความที่ไม่ทราบ หญิงม่ายผู้นี้จึงบอกลูกชายว่า " เอาคนโทมาอีกซิ " แต่ลูกชายตอบว่า " คนโทเปล่าไม่มีอีกแล้ว " เธอก็วางน้ำมันลงและไปรายงานแก่สาวกแห่งพระผู้เป็นเจ้า ซึ่งโมฮัมมัดได้กล่าวแก่เธอว่า: " เจ้าจงเอาน้ำมันเหล่านั้นไปขายและนำเงินไปชดใช้หนี้สินตัวเจ้าและบุตรของเจ้าจะได้ดำรงชีพต่อไปด้วย ทรัพย์สมบัติที่มีอยู่ "  

ในด้านประวัติศาสตร์คริสตศาสนา มะกอกนั้นนับว่าเป็นต้นไม้ที่ถือเป็นหลักฐานสำคัญอันแสดงถึงตัวตนที่มีจริงของพระเยซูคริสต์ ที่สวนแห่งหนึ่งคือ Garden of Gethemane ซึ่งอยู่บนภูเขา Mount of Olives พระเยซูได้สวดอ้อนวอนและหลั่งน้ำตาอยู่ต่อหน้าการทนทุกข์ทรมานและความตายของพระองค์ และต่อมาพระองค์ก็ถูกกลบร่างอยู่ท่ามกลางสวนป่ามะกอกแห่งนี้เอง
          ในพระคัมภีร์กุรอ่านของอิสลาม ข้อความที่กล่าวถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้มีอยู่ว่า " ต้นกล้านั้นที่อยู่บนเขาซีนาย จะให้น้ำมันแก่เราเหมือนหนึ่งเป็นเครื่องปรุงอาหารในครัวเรือน " นอกจากนั้นยังกล่าวสรรเสริญพระองค์อัลเลาะฮ์และดวงประทีปแห่งพระองค์ไว้ดังนี้ " พระองค์อัลเลาะฮ์คือดวงประทีปแห่งสวรรค์และโลกมนุษย์ ความปราดเปรื่องของพระองค์อาจเปรียบได้กับแท่นบูชาแห่งดวงประทีป เป็นดวงประทีปที่สุกสกาวดุจดวงดาว ประทีปที่เกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของต้นมะกอก จากต้นมะกอกทุกต้นนับแต่ฝั่งตะวันออกจรดฝั่งตะวันตก ด้วยพลังจากน้ำมันสูงค่านี้ มันจึงจุดประกายส่องสว่างไปไกลแสนไกล โดยมิต้องสัมผัสกับเปลวไฟแม้แต่น้อย ดวงประทีปหนึ่งนำสู่ดวงประทีปอีกดวงหนึ่ง พระองค์อัลเลาะฮ์จะเป็นผู้นำเราสู่ดวงประทีปเมื่อพระองค์เห็นควรเท่านั้น พระองค์สร้างสิ่งอุปมาอุปไมยแก่มนุษย์ พระองค์ทรงปัญญาในทุกๆ สิ่ง "
          บทกวีของกรีกและโรมันโบราณนั้นเต็มไปด้วยข้ออ้างอิงถึงต้นมะกอกโอลีฟและผลิตผลที่ได้จากพันธุ์ไม้ชนิดนี้ โฮเมอร์ เป็นกวีชาวกรีกผู้เห็นในประกายอันละเมียดละไมที่ลุกโชนขึ้นจากน้ำมันในตะเกียง ตามตำนานความเชื่อของชาวกรีกนั้น บุตรของพระเจ้าจะกำเนิดขึ้นใต้ต้นมะกอก และแล้วการณ์ก็เป็นจริงเมื่อเลโตก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายใต้ร่มไม้ต้นมะกอกในระหว่างที่เธอพำนักที่เกาะดีลอส นอกจากนี้ ในบทกวีเฟเนลอน เรื่องเกี่ยวกับเทพเลเลมาคัสนั้น เขียนถึงกิ่งต้นมะกอกโอลีฟว่า เป็นสัญลักษณ์ของผู้ร้องทุกข์ รวมทั้งผู้ที่ต้องการสงบศึก และต้องการสันติภาพ
          ในบทกวีจอร์จิกส์ เวอร์กิลกล่าวสรรเสริญถึงต้นมะกอกและผลของมันที่อุดมไปด้วยน้ำมันที่มีคุณประโยชน์ ในบทกวีเมตามอร์โฟเซส โอวิตแสดงให้โบซิสเห็นถึงกรรมวิธีในการประกอบอาหารอย่างอดออม โดยการใช้น้ำมันมะกอก เพื่อนำไปต้อนรับอาคันตุกะจากแดนสวรรค์ นักกวีหลายต่อหลายท่าน รวมทั้งโฮเรซ ลูเครเตียส มาร์เตียล ต่างก็ชื่นชมต้นไม้สีเงินยวงนี้ 
          ในตำราด้านการเกษตรของโคลูเมลลา กล่าวถึงต้นมะกอกว่า " ในบรรดาต้นไม้ทั้งหมดนี้ ต้นมะกอกเป็นต้นไม้ที่ก่อให้เกิดรายจ่ายน้อยที่สุด ถึงแม้ว่ามันจะเป็นพืชที่มีความสำคัญที่สุดก็ตาม " และเขาก็มีข้อแนะนำอื่นๆ เกี่ยวกับการเพาะปลูกต้นมะกอกอีกด้วย ส่วนไพลนียังมีข้อเขียนที่กล่าวถึงน้ำมันชนิดหนึ่ง ซึ่งช่วยให้ฟันขาว และรักษาโรคเหงือก
          ในตำราอาหารฉบับเก่าแก่ร่วมสองร้อยปีมาแล้ว ชื่อหนังสือว่า Re coquinaria  ผู้เขียนคือ อาปิเซีย มีการกล่าวถึงน้ำมันมะกอกจากสเปนอยู่เนืองๆ 
          มีบทโคลงมากมายที่เขียนถึงต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ ต้นไม้สีเงินยวง  ต้นไม้แห่งการบำรุงเลี้ยง ซึ่งสามารถพบโลงเหล่านี้อยู่ทั่วทุกหัวระแหง ความคุ้นเคย ขนบประเพณีโบราณ ซึ่งยังคงความเป็นอมตะ ครอบคลุมไปทั่วทุกอารยธรรมของชาวเมดิเตอร์เรเนียน.


<<back