นกยูง



ไก่ป่าเพศผู้



นกชาปีไหน



นกอีแจว


นกกระจิบเลี้ยงอีวาบตั๊กแตน

พฤติกรรมการสืบพันธุ์ของนกที่น่าสนใจ

            สิ่งมีชีวิตทุกชนิดมีความต้องการที่จะให้เผ่าพันธุ์ของตนเองมีลูกมีหลานสืบทอดต่อไปให้นานเท่านาน ซึ่งอาจจะกล่าวได้ว่า มียีนหรือแหล่งพันธุกรรมที่เห็นแก่ตัว และถ้าต้องการให้ยีนนั้นดำรงอยู่รอดได้ก็ต้องมีการถ่ายทอดยีนนั้นไปสู่ลูกหลานต่อๆไป กรรมวิธีที่จะให้ยีนถ่ายทอดไปยังลูกหลานได้ก็คือการสืบพันธุ์ จะเห็นได้ชัดในนกซึ่งมีพฤติกรรมการ สืบพันธุ์หลายรูปแบบ เริ่มจากวิธีเลือกคู่

  • แบบแรก  ตัวผู้ตัวเดียวและตัวเมียตัวเดียว  (mono gamy) มาจับคู่อยู่ด้วยกันตลอดฤดูผสมพันธุ์ จะพบเห็นได้ในนกส่วนใหญ่กว่าเกือบ 90%  เช่น นกกระจอก นกชาปีไหน นกบางชนิดจะจับคู่กันตลอดชีวิตเลยทีเดียว เช่น นกกะเรียน เป็ฯแมนดาริน เนื่องจากนกทั้งสองมีพฤติกรรมดังกล่าว จึงมีคนนิยมใช้นกทั้งสองนี้เป็นสัญลักษณ์ในการ์ดแต่งงาน โดยนอกทั้งสองเพศจะช่วยกันทำรังและเลี้ยงลูก ทำให้โอกาสที่ลูกจะรอดมีได้สูงกว่าแบบอื่นๆ แต่อย่างไรก็ดี การที่พ่อแม่นกเข้าออกรังบ่อยๆ ก็เป็นการเพิ่มโอกาสให้เหยื่อสังเกตเห็นได้ง่ายกว่า เช่น นกแก๊ก นกกก เมื่อเพศผู้และเพศเมียจับคู่กันแล้ว จะช่วยกันหารังเป็นโพรงไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ หรือที่นกชนิดอื่นเจาะไว้ให้ เมื่อหารังได้เหมาะสมแล้ว นกเพศเมียจะเข้าไปอยู่ในโพรงและใช้ดินมาปิดปากโพรงจนกว่าลูกจะโตและช่วยตัวเองได้จึงจะออกมาจากโพรง สำหรับนกเพศผู้จะเป็นผู้หาอาหารมาป้อนแม่นกและลูกนก ถ้าพ่อนกมีอันเป็นไป เช่น ตาย หรือถูกล่า แม่นกจะทิ้งลูกและพังรังออกมา ทั้งนี้เพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ตนเองดังที่กล่าวมาแล้วข้างต้น

  • แบบที่สอง เพศผู้เพียงตัวเดียวจะจับคู่กับเพศเมียหลายๆ ตัว (polygyny)  ในช่วงหนึ่งฤดูผสมพันธุ์ จะสังเกตได้ว่านกกลุ่มนี้เพศผู้จะมีสีสันสวยงาม ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ เมื่อเข้าสู่ฤดูผสมพันธุ์ ซึ่งส่วนใหญ่จะอยู่ในช่วงฤดูแล้ง ตั้งแต่เดืนพฤศจิกายน - ธันวาคม เป็นต้นไป นกเพศผู้จะเลือกครอบครองอาณาเขตที่เหมาะสม เพื่อใช้เป็นที่เกี้ยวพาราสีตัวเมีย และร้องหรือขันอยู่ในอาณาเขตครอบครองของตน หากมีนกตัวอื่นเข้ามา ก็ต้องออกมาไล่เพราะเป็นพื้นที่ที่ถูกครอบครองอยู่ก่อนแล้ว  นกในกลุ่มนี้ เช่น กลุ่มไก่ฟ้า ไก่ป่า และถ้าเป็นนกยูงเพศผู้ที่โตเต็มวัยขะมีขนคลุมหางที่เรียกว่าแววมยุรา และสีสันสวยงาม เขาจะเดินอวดโฉมที่ต้องตาและเร้าใจเพศเมีย เมื่อเพศเมียตัวใดสนใจเดินเข้ามาหา โดยที่นกเพศผู้จะรำแพนหางให้เพศเมียไปมานานเป็นชั่วโมง หากเพศเมียพร้อมก็จะเข้าผสมพันธุ์ เพศเมียจะอยู่กับเพศผู้ระยะหนึ่งแล้วแยกไปวางไข่และเลี้ยงลูกเอง นกในแบบที่สองนี้พบประมาณ 6% เพศผู้จะไม่ช่วยเลี้ยงลูก เพียงทำหน้าที่สืบพันธุ์และคอยที่จะมองหาเพศเมียที่จะสืบพันธุ์ตัวต่อไป

    จากการศึกษาในภาคเหนือพบอัตราส่วนของเพศผู้ต่อเพศเมียเป็น 1 ต่อ 8 เพราะมีนกยูงเพศเมียจำนวนมากกว่าเพศผู้ ดังนั้น ถ้าเพศผู้มาช่วยเพศเมียเลี้ยงลูก ก็จะทำให้เสียโอกาสในการสืบพันธุ์ และถ้าหาไม่ต้องมีภาระเลี้ยงลูกก็จะมีโอกาสสืบพันธุ์ได้มากขึ้น เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการถ่ายทอดยีนของตัวเองให้สืบทอดอยู่รอดตลอดไป
     

  • การเลือกคู่แบบที่สาม จะตรงข้ามกับแบบที่สอง คือเพศเมียหนึ่งตัวจะผสมพันธุ์กับเพศผู้ได้หลายๆ ตัว (ployandy)  ในหนึ่งฤดูผสมพันธุ์  นกในกลุ่มนี้ อาจจะเนื่องมาจากอัตราส่วนของเพศผู้และเพศเมียไม่สมดุลกัน โดยทั่วไปนกเพศมียจะมีสีสดใสกว่าเพศผู้  เช่น นกคุ่มอืด นกอีแจว เมื่อเข้าฤดูผสมพันธุ์ เธอจะเดินอวดโฉมไปมาตามแหล่งน้ำที่มีจอกแหนขึ้น เมื่อมีเพศผู้มาสนใจ เข้าคู่และผสมพันธุ์แล้ว เธอจะออกไข่ให้เพศผู้ฟักและดูแลลูกของเธอ แล้วเธอก็แจวไปหาเพศผู้ตัวใหมเพื่อผสมพันธุ์ แล้วเธอจะทิ้งไข่ให้เป็นภาระของนกตัวผู้เลี้ยงดูต่อไป  จากการศึกษาในหนึ่งฤดูผสมพันธุ์ พบว่านกเพศเมียตัวหนึ่ง สามารถผสมพันธุ์กับนกเพศผู้ได้ถึง 4 ตัว และอาจจะผสมพันธุ์สูงสุดถึง 8 ตัวเลยทีเดียว อัตราส่วนของนกที่มีการผสมพันธุ์แบบนี้ พบไม่ไม่ถึง 1% ของนกทั้งหมด
     

  • แบบที่สี่ เป็นประเภทนัดพบ ทั้งตัวผู้และตัวเมียจะนัดกันมาพบในสถานที่ใดสถานที่หนึ่งพร้อมๆ กัน (promiscuity) และถ้าคู่ใดพึงพอใจกันก็จะผสมพันธุ์กันอย่างอิสระ นกกลุ่มนี้พบได้น้อยมากพอๆ กับนกกลุ่มที่สาม ซึ่งพบจำนวนไม่ถึง 1% เช่นกัน ตัวอย่างเช่น นกร๊าฟ หรืออาจพบนกในกลุ่มไก่ฟ้าและนกกระทาด้วย

             นอกจากการเลือกคู่แบบต่างๆ แล้ว นกบางชนิดยังมีผู้ช่วย (helpers) อาจเป็นเพศผู้หรือเพศเมียก็ได้มาช่วยเลี้ยงลูก เช่น นกเงือกสีน้ำตาล เมื่อนกเพศผู้และเพศเมียจับคู่ผสมพันธุ์กันแล้ว เพศเมียจะเข้าไปในโพรงไม้ นกเพศผู้ที่เป็นคู่จะช่วยหาอาหารและหาวัสดุมาปิดทางเข้าของรัง นอกจากนั้นจะมีผู้ช่วย ซึ่งเชื่อว่าเป็นน้องๆ ที่ยังไม่มีคู่มาช่วยหาอาหารมาป้อนอีกสามถึงสี่ตัว พี่น้องทั้งสามหรือสี่ตัวนี้จะขยันขันแข็งผลัดกันนำอาหารมาป้อนเพศเมียที่มีลูกตลอดเวลา จนแม่และลูกนกโตพร้อมออกจากรัง  นักวิทยาศาสตร์เชื่อว่า การที่มีผู้ช่วยจะทำให้เพิ่มความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ได้ดีขึ้น อีกทั้งยังเพิ่มประสบการณ์ ถ้าหากว่าต่อไปตนเองจะต้องมีคู่ก็จะได้ประสบการณ์ในการเลี้ยงลูก

             นกบางประเภทก็เลือกที่จะมีพฤติกรรมต่อนี้คือ เป็นประเภทกาฝาก (brood parsitism) หลายคนคงเคยได้ยินผ่านเพลงกล่อมเด็กที่ว่า แม่กาเหว่าไปไข่ในรังอีกา แม่อีกาก็นึกว่าลูกตัวเองเลยเลี้ยงดูและฟูมฟักจนลูกกาเหว่าเจริญเติบโตออกาจากรังและอยู่รอดต่อไปได้  ส่วนใหญ่จะพบในนกกลุ่มนกคัดคู เช่น นกกาเหว่าไปไข่ในรังอีกา  นกอีวาบตั้งแตนไปไข่ในรังนกกระจิบหรือนกขมิ้นน้อยธรรมดา และไข่พวกนี้จะมีลักษณะคล้ายไข่ของเจ้าของรัง แต่จะมีการฟักและการเจริญเร็วกว่าเจ้าของรัง และสัญชาตญานของพวกลูกนกกาฝาก จะใช้หลังดันไข่ของเจ้าของรังตกออกไปจากรัง ตามหลักเชื่อว่านกเหล่านี้เดิมก็เป็นนกที่สร้างรังเอง แต่อาจจะเกิดเหตุที่รังถูกทำลายไปกระทันหัน จึงปรับตัวไปไข่รังของนกชนิดื่น ต่อมาจึงมีวิวัฒนาการไปเป็นนกกาฝากที่ไม่สร้างรังของตนเอง

 
     

 

 
      เรียบเรียงโดย รศ.วีณา เมฆวิชัย ภารวิชาชีววิทยา คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย , หนังสือจากยอดเขาถึงใต้ทะเล 2 สรรพสิ่งล้วนพันเกี่ยว สู่..ประโยชน์แท้แก่มหาชน, ตุลาคม 2550  
         
 
 
@ 2007 www.tis-museum.org.. All rights reserved.
This site is best viewed with Microsoft Internet Explorer 6.0+ at a minimum screen resolution of 1024 x 768,
A minimum modem connection speed of 56Kbps. Also required Flash plug-in.