ข้าวเป็นพืชอาหารประจำชาติไทย เกษตรกรประมาณ 3.43 ล้านครอบครัว หรือประมาณ 20 เปอร์เซนต์ ทำหน้าที่เป็นผู้ปลูกข้าวเลี้ยงประชากรทั่วประเทศ และยังมีเหลือส่วนหนึ่งสำหรับเลี้ยงชาวโลก
          การทำนาในประเทศไทยแบ่งวิธีการปลูกเป็น 3 วิธี คือ การทำนาหยอด การทำนาดำ และการทำนาหว่าน ส่วนจะใช้วิธีการไหนนั้นขึ้นอยู่กับสภาพื้นที่นา ชนิดพันธุ์ข้าวที่จะปลูก
          การทำนาหยอด เป็นวิธีที่ใช้สำหรับปลูกข้าวไร่ ในสภาพพื้นที่ที่มีน้ำไม่เพียงพอสำหรับการตกกล้าและปักดำโดยการหยอดเมล็ดพันธุ์ข้าวไว้ในหลุม ๆ ละ 3-5 เมล็ด แล้วกลบเมล็ดทิ้งไว้ เมื่อฝนตกข้าวก็จะงอกและเจริญเติบโตต่อไป
          การทำนาดำ  เหมาะสำหรับบริเวณที่มีฝนตก หรือมีน้ำท่วม และพื้นดินเก็บกักน้ำได้ดี เตรียมดินด้วยการไถและคราดให้พื้นนาเป็นโคลนตม นำต้นกล้าที่ตกกล้าไว้ในแปลงกล้ามาปักดำ ในระยะห่างที่เหมาะสม
          การทำนาหว่าน  ส่วนใหญ่เป็นวิธีการสำหรับปลูกข้าวขึ้นน้ำ แต่อาจจะใช้กับการปลูกข้าวไร่หรือข้าวนาสวนก็ได้ การทำนาหว่านแบ่งออกเป็น 2 ลักษณะคือ

  • การหว่านข้าวแห้ง เตรียมดินด้วยการไถดะและไถแปร จากนั้นนำเมล็ดข้าวไปหว่าน แล้วไถหรือคราดกลบอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฝนตกหรือปล่อยน้ำเข้าไป ข้าวก็จะงอกงามขึ้น จะมีผลเสียคือ ข้าวจะขึ้นเป็นระยะห่างที่ไม่สม่ำเสมอกัน และมักมีวัชพืชขึ้นมาด้วย

  • ารหว่านข้าวงอก เตรียมดินเช่นเดียวกันกับการทำนาดำ แต่ใช้การหว่านเมล็ดข้าวที่เพาะไว้จนเริ่มงอกแล้ว สามารถทำได้ดีทั้งในพื้นที่ดอน ซึ่งเรียกว่า การทำนาน้ำตมแผนใหม่ และในพื้นที่ลุ่ม ซึ่งเรียกว่านาหว่านน้ำตมหรือนาหว่านน้ำขัง

          ในประเทศไทยมีพันธุ์ข้าวหลากหลายมาก สามารถจำแนกได้หลายลักษณะ เช่น แบ่งตามลักษณะการปรับตัวตามปริมาณน้ำ เป็นข้าวขึ้นน้ำ และข้าวไม่ขึ้นน้ำ แบ่งตามอายุการเก็บเกี่ยวเป็นข้าวหนักและข้าวเบา แบ่งตามคุณภาพของแป้ง เป็นข้าวเจ้า และข้าวเหนียว เป็นต้น









 

 









      ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมจากเวบไซต์ของ  มูลนิธิข้าวไทยในพระบรมราชูปถัมภ์