แมลงถูกแบ่งออกเป็นสองกลุ่มใหญ่ๆ
ได้แก่กลุ่มที่ไม่มีปีก
(Apterygota)
และ กลุ่มที่มีปีก
(Pterygota)
แมลงกลุ่มที่ไม่มีปีก
แตกต่างจากกลุ่มที่มีปีก
ตรงที่มันไม่มีปีกและการเจริญเติบโตของมันเป็นแบบเรียบง่าย
คือไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่างในระหว่างการเจริญเติบโต
(ametabolous)
แมลงในกลุ่มที่มีปีก
บางชนิดตัวเต็มวัยไม่มีปีก
กรณีนี้ได้รับการพิจารณาว่าได้พัฒนามาจากบรรพบุรุษของมันที่มีปีกมาก่อน
ในขณะที่กลุ่มแมลงที่ไม่มีปีกนั้นบรรพบุรุษของมันไม่เคยมีปีกมาก่อนเลย
ส่วนอก
(thorax)
ของแมลงกลุ่มที่ไม่มีปีก
มีการพัฒนาน้อยกว่าและส่วนท้อง (abdomen)
มักมีส่วนยื่นคล้ายหนามหรือเดือย
ซึ่งไม่พบในแมลงเต็มวัยของกลุ่มที่มีปีก
แมลงกลุ่มที่ไม่มีปีก
เดิมทีจัดเป็นอันดับ (order)
ใน Class
Insecta
ได้แก่อันดับ Protura,
อันดับ
Collemboa, อันดับ
Diplura และ อันดับ
Thysanura
สำหรับแมลงในอันดับ
Protura, Collembola
และ Diplura
มีส่วนปากหดอยู่ภายในส่วนหัว (head
capsule) หนวด ตา
การแบ่งปล้องลำตัว
และการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้เข้ากับสภาวะบางอย่างของลำตัวและของขาของแมลงทั้ง
3
อันดับนี้แตกต่างไปจากของ
Thysanura
ซึ่งมีส่วนปากยื่นออกจากส่วนหัวเช่นเดียวกับแมลงที่มีปีกทั่วไป
ความแตกต่างดังกล่าวนี้เป็นสิ่งที่ได้ชี้นำให้นักอนุกรมวิธาน
(taxonomists)
จำนวนมาก ทำการจัด protura,
collembola และ
diplura
แยกออกไปจาก Class Insecta
และได้ยกขึ้นให้เป็น
Class
ต่างหาก กลายเป็น Class
Protura, Class Collembola
และ Class
Diplura
และคงไว้ให้ Thysanura
เป็นเพียง
order
เดียวในกลุ่มของแมลงที่ไม่มีปีก
รูปที่ 1
Proturan |
Class
Protura
สิ่งที่มีชีวิตใน Class
นี้ เรียกว่า
Proturans
ซึ่งมีขนาดเล็กมาก (0.5
2.0 มม.)
มีสีค่อนข้างขาว
ไม่มีปีก ไม่มีตาประกอบ
และไม่มีหนวด (รูปที่
1)
บนหัวที่เป็นรูปกรวย
มีส่วนปากที่เป็นแบบแทงแล้วดูด
ขาคู่หน้าชูขึ้นตรงไปข้างหน้าคล้ายกับลักษณะของหนวด
(ความจริง
ไม่มีหนวด)
เดือยขนาดเล็กอยู่ด้านใต้ปล้องท้อง
3 ปล้องแรก
ตัวอ่อนมีการเจริญเติบโตแบบไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
และมีปล้องท้องเพิ่มขึ้นหนึ่งปล้องหลังการลอกคราบแต่ละครั้ง
Proturans
หาได้ไม่ง่ายนัก มักพบในดินชื้นๆ
ตามขอบท่อนไม้
ใต้เปลือกไม้และในท่อนไม้ผุๆ
เก็บได้โดยการร่อนหรือใช้
berlese funnel
เก็บรักษาโดยการดองใน 80 %
แอลกอฮอล์alcohol
หรือนำมาเมาท์บนแผ่นกระจกสไลด์
|
รูปที่ 2 Dipluran
|
Class
Diplura
สิ่งที่มีชีวิตใน
Class นี้
เรียกว่า diplurans มีขนาดเล็ก
มักยาวไม่เกิน 7
มม. มีสีซีดๆ
มีหางเส้นเล็กๆ 2
เส้น (รูปที่
2)
พวกนี้ไม่มีปีก
ไม่มีตาประกอบและไม่มีเกล็ด
ปากเป็นแบบปากเคี้ยว
Dipulrans อาศัยอยู่ในบริเวณที่อับชื้น
ตามใต้ก้อนหินและเปลือกไม้
ในดินและในเนื้อไม้ผุๆ
เก็บตัวอย่างโดยการร่อนหรือใช้ berlese
funnel แล้วเก็บดองไว้ใน
80 %
แอลกอฮอล์
หรือเมาท์บนแผ่นกระจกสไลด์
ทั่วโลกพบได้มากถึง 500
ชนิด (species)
|
รูปที่ 3
แมลงหางดีดชนิดต่างๆ ใน
Class Collemboa |
Class
Collembola
สิ่งที่มีชีวิตใน
class นี้
ได้แก่พวกแมลงหางดีด (springtails)
มีขนาดเล็ก ไม่มีปีก
ลักษณะพิเศษคือจะมีท่ออยู่ใต้ลำตัว
ท่อนี้เรียกว่า Collophore อยู่ที่ปล้องท้องปล้องแรก
และมีอวัยวะสำหรับการดีดตัว เรียกว่า
furcula
ซึ่งอยู่ที่ปล้องท้องที่ 4 (รูปที่
3) Collophore
ทำหน้าที่เป็นอวัยวะสำหรับการเกาะดูด
ช่วยในการดูดซึมน้ำและเกี่ยวข้องกับการหายใจและการหลั่งสารคัดหลั่ง
อวัยวะสำหรับการดีดตัว
จะพับไปทางข้างหน้าใต้ส่วนท้องในขณะกำลังพัก
อวัยวะสำหรับการดีดตัวนี้ถูกยึดให้อยู่กับที่ด้วยอวัยวะที่มีชื่อว่า
tenaculum
บนปล้องท้องที่ 3
เมื่อ furcula
ถูกปล่อย
มันก็จะถูกบังคับให้ดีดลงทางด้านล่าง
โดยการปลดปล่อยของ cuticular
tension
และการหดตัวของกล้ามเนื้อของมันเอง furcula
จะกระทบกับพื้น
ทำให้ตัวแมลงกระดอนขึ้นในอากาศได้สูงถึง
100 มิลลิเมตร
แมลงหางดีดมีปากสำหรับเคี้ยว
และมีการเจริญเติบโตแบบที่ไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
แมลงหางดีดชอบอาศัยอยู่ในดินที่อับชื้น
และเย็น ในกองใบไม้ที่กำลังขึ้นรา
ในเห็ดราและมอส ในขอนไม้ผุ
ตลอดจนในรังมดและรังปลวก
บางครั้งอาจพบอยู่บนต้นไม้ใบหญ้า
บางพวกพบบนผิวหน้าของบ่อน้ำ
พื้นหิมะ
และตามชายฝั่งทะเลช่วงบริเวณน้ำขึ้น-น้ำลง
สามารถพบได้ทั่วโลกจากเขตขั้วโลกเหนือจนถึงขั้วโลกใต้
|
อาหารของแมลงหางดีด
ได้แก่สสารที่กำลังเน่าเปื่อย
สาหร่าย ไลเคนส์
เกสรดอกไม้และสปอร์ของเชื้อรา
แมลงหางดีดมักอยู่รวมกันเป็นจำนวนมาก
บางชนิดอาจทำความเสียหาย
โดยการกินเมล็ดพืชที่กำลังงอก
และกินต้นกล้าในเรือนเพาะชำหรือในสวน
การเก็บแมลงหางดีด
ทำได้โดยการร่อนหรือโดยการลอยน้ำและโดยการใช้
berlese funnel อาจใช้พู่กันจุ่มแอลกอฮอล์หรือ
อาจใช้ aspirator
ในการจับเก็บแมลงหางดีดจากในบริเวณที่มันอาศัยอยู่กันเป็นกลุ่มใหญ่
สามารถเก็บรักษาไว้ในไอโซยโปรปิล
แอลกอฮอล์ (isopropyl alcohol)
หรือใน 80 %
เอทิลแอลกอฮอล์
ก็ใช้ได้
หรือไม่ก็เอามาเมาท์บนแผ่นกระจกสไลด์
Order
Thysanura
ตัวสามง่าม
(Bristletails)
มีขนาดเล็กถึงปานกลาง ไม่มีปีก
มีแส้คล้ายหางลักษณะเรียวยาว 3
เส้นอยู่ที่ปลายท้อง มีหนวดยาว
2 เส้น
(รูปที่
4 A, B)
ลำตัวมีสีเทา น้ำตาลหรือขาว
และมักปกคลุมด้วยเกล็ดขนาดเล็กๆ
จำนวนมาก
แมลงพวกนี้สามารถกระโดดหรือวิ่งได้อย่างรวดเร็วมาก
ตัวสามง่ามมีปากแบบเคี้ยว
ตัวกลางวัย (nymphs)
เจริญเติบโตโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงรูปร่าง
ไข่ถูกวางไว้ตามร่อง
ตัวกลางวัยเจริญเติบโตอย่างช้าๆ
(นานถึง
2 ปี)
มีการลอกคราบมากกว่า
20-30 ครั้ง
ส่วนใหญ่อาศัยอยู่นอกบ้าน (รูปที่ 4
B)
กินเนื้อเยื่อไม้
ส่วนพวกที่อาศัยอยู่ภายในบ้าน (รูปที่
4 A) จะกิน
ธัญญพืช กาว แป้งเปียกบนสันหนังสือ
และกระดาษเป็นอาหาร
รูปที่ 4
A.
ตัวสามง่ามบ้าน B.
สามง่ามป่า
ตัวสามง่ามชนิดที่อาศัยอยู่นอกบ้าน
อาจทำการจับได้จากใต้เปลือกไม้ผุ
ใต้กองใบไม้และใต้ก้อนหินที่ค่อนข้างมืดและชื้น
ชนิดที่อาศัยภายในบ้านจะพบได้ในบริเวณที่อบอุ่นทั้งชื้นและแห้ง
เช่นในห้องน้ำหรือห้องใต้ถุนบ้าน
อาจใช้กับดักโดยใช้เศษขนมปังกรอบเป็นเหยื่อล่อ
ตัวอย่างแมลงพวกนี้ต้องเก็บไว้ใน
80 % เอทิล
แอลกอฮอล์
ทั่วโลกพบได้มากกว่า 700
ชนิด
แมลงดังกล่าวทั้งหมดแม้ว่าจะมีขนาดเล็กถึงเล็กมาก
แต่พวกเราต้องไม่มองข้ามความสำคัญของมัน
แมลงเหล่านี้มีบทบาทสำคัญในฐานะเป็นผู้ย่อยสลายตามธรรมชาติ
ถึงแม้ว่าพวกมันมีขนาดเล็ก
แต่ด้วยจำนวนที่มีมากมายมหาศาลจึงทำให้การย่อยสลายตามธรรมชาติเกิดขึ้นได้อย่างรวดเร็วพอสมควร
นอกจากนี้แล้วแมลงเหล่านี้ยังอาจเป็นอาหารของสัตว์หรือแมลงอื่นๆ
ที่มีขนาดใหญ่กว่ากินเป็นอาหารตามห่วงโซ่ธรรมชาติ
ซึ่งเป็นการถ่ายทอดพลังงานตามธรรมชาติในช่วงต้นๆ
ของห่วงโซ่อาหาร
ถ้าหากแมลงพวกนี้ถูกทำลายไปโดยมิได้ตั้งใจหรือตั้งใจของพวกมนุษย์แล้ว
ก็อาจก่อให้เกิดความไม่สมดุลย์ในธรรมชาติขึ้นได้
ดังนั้น ขอให้ท่านผู้อ่านทั้งหลาย
โปรดได้ช่วยกันรักษาดูแลธรรมชาติไว้ให้ดี
อย่าตัดต้นไม้ทำลายป่า
ถ้าต้นไม้ถูกทำลายลงไปมากๆ
จะทำให้ไม่เกิดฝน
พื้นดินจะแห้งแล้งไปทั่ว
เมื่อพื้นดินขาดความชุ่มชื้น
สิ่งที่มีชีวิตน้อยใหญ่ก็จะพากันตายหมด
และในที่สุดมนุษย์เองก็จะได้รับความเดือดร้อนอย่างแสนสาหัส
ถ้าหากเรื่องราวของแมลงต่างๆ
ในบทความนี้ได้รับความสนใจจากผู้อ่านมากพอ
และผู้อ่านต้องการที่จะอ่านเรื่องราวของแมลงต่อๆ
ไปอีก ก็ขอให้ส่ง
E-mail
แสดงความคิดเห็น
ติชมหรือขอให้ผู้เขียนเขียนต่ออีก
ผู้เขียนจะรู้สึกยินดีและขอบคุณอย่างยิ่ง
สวัสดี จนกว่าจะพบกันใหม่
หนังสืออ้างอิง
Bland, R.G. and
Jaques, H.E. 1978. How to know the
insects 3rd Edition.
The Pictured Key
Nature Series. Wm.
C. Brown Company Publishers.
Dubuque, Iowa. U.S.A. 409 pp.
E-mail Address
ของผู้เขียน
S_singh66@ yahoo.com
|