|
|
ขางครั่ง
ชื่อวิทยาศาสตร์ :
Dunbaria bella L.
วงศ์ :
Leguminosae-Papilionoideae
ชื่อสามัญ :
ชื่ออื่น :
ขางครั่ง (ลำพูน)
; ดอกครั่ง (เชียงใหม่) ; เถาครั่ง (เลย)
ลักษณะ :
เป็นพืชอายุค้างปี ลำต้นเป็นเถาเลื้อยพัน (twinning) ลำต้นยาวประมาณ 3-5
เมตร ขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางลำต้น 2.83-9.47 มิลลิเมตร ใบมี 3 ใบย่อย
(trifoliate-pinnately) รูปร่างใบย่อยแบบขอบขนาน (oblong) ใบกลางปลายใบมน
โคนใบกลม (rounded) ใบข้างขอบใบด้านล่างเบี้ยว (unequal) ความยาวใบกลาง
5.94-8.88 เซนติเมตร กว้าง 2.05-2.73 เซนติเมตร ใบข้างยาว 5.11-6.61
เซนติเมตร กว้าง 1.8-2.14 เซนติเมตร ก้านใบรวมยาว 1.01-2.91 เซนติเมตร
ก้านใบข้างสั้นมากยาวประมาณ 2 มิลลิเมตร หน้าใบและหลังใบมีขนละเอียดสั้น ๆ
ปกคลุมหนาแน่น ผิวใบนุ่ม (tender) สีใบด้านหน้าเขียวอมเหลืองอ่อน
ถึงเขียวเข้ม ค่อนข้างมัน
สีใบด้านหลังเขียวอมเหลืองเข้มกว่าด้านหน้าและผิวด้านเล็กน้อย เส้นใบ
(vein) ด้านหลังนูนขึ้นเป็นสันเล็กน้อย เส้นใบแตกแบบขนนก (pinnate)
ขอบใบมีรอยหยักแบบขนครุย (ciliate) ก้านใบมีขนปกคลุมหนาแน่น
ลำต้นสีเขียวอมน้ำตาลมีขนละเอียดยาวประมาณ 1 มิลลิเมตรคลุมอยู่มาก หูใบแหลม
(filiform) สั้น 0.5-1 มิลลิเมตร ออกดอกเดือน พฤศจิกายน มกราคม
ดอกออกที่ตาข้างช่อดอกแบบช่อกระจะ (raceme) ยาว 6.43-14.29 เซนติเมตร
ดอกรูปดอกถั่ว จำนวน 6-35 ดอกต่อช่อ เกิดเรียงสลับรอบแกนช่อดอก
กลีบดอกด้านนอกสีเขียวอมเหลือง กลีบดอกด้านในสีม่วงอมแดงเข้ม
ผลเป็นฝักยาวค่อนข้างแบน มีขนคลุม
ประโยชน์ : เป็นแหล่งอาหารสัตว์ตามธรรมชาติ
สำหรับแทะเล็มของโค-กระบือ ยาพื้นบ้าน ล้านนา ใช้ใบหรือรากผสมใบโผงเผง
บดเป็นผงละเอียดปั้นเป็นยาลูกกลอนกินแก้ไข้ (วงศ์สถิตย์และคณะ, 2539)
|
|