กระท้อน


ชื่อพื้นเมือง : กระท้อน (ทั่วไป), เตียน ล่อน สะท้อน (ภาคใต้), มะต้อง (ภาคเหนือ, อุดรธานี), มะติ๋น (ภาคเหนือ), สตียา สะตู (มลายู- นราธิวาส), สะโต (มลายู-ปัตตานี)


ชื่อวิทยาศาสตร์ : Sandoricum koetjape (Burm.f.) Merr.


ชื่อวงศ์ : MELIACEAE


ชื่อสามัญ : Santol, Sentul, Red Sentol, Yellow Sentol


ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดใหญ่ สูง 15-30 ซม. ลำต้นเปลา โคนมักเป็นพอน เปลือกสีน้ำตาลอ่อนอมชมพู ใบประกอบ แบบขนนกมีใบย่อยสามใบ เรียวเวียนสลับ ใบย่อยรูปไข่ หรือรูปรี ค่อนข้างกว้าง หรือเกือบกลม ปลายแหลมโคนมน โคนใบของใบย่อยคู่ข้างเบี้ยวเล็กน้อย ขอบเรียบ หรือเป็นคลื่นห่าง ๆ ช่อดอกแบบช่อแยกแขนง ออกตามง่ามใบใกล้ปลายกิ่ง มีขนสีเหลืองทั่วไป ดอกเล็กสีเขียวอมเหลือง มีจำนวนมาก กลิ่นหอมอ่อน กลีบเลี้ยง 5 กลีบ โคนติดกันคล้ายรูประฆัง ปลายแยกเป็น 5 แฉก กลีบดอก 5 กลีบ รูปขอบขนาน แยกกันเป็นอิสระ เกสรเพศผู้มี 10 อัน ติดกันเป็นหลอด ผลใหญ่ กลมแป็น ฉ่ำน้ำ เปลือกมีขนนุ่ม เนื้อหนานุ่ม มียางสีขาวเล็กน้อย ผลสุกผิวสีเหลืองนวล กลิ่นหอม มี 3-4 เมล็ด เมล็ดมีเนื้อหนาเป็นปุยสีขาวหุ้ม


ประโยชน์ : ชาวสวนนิยมปลูกกระท้อนในสวนผลไม้ทางภาคกลาง ภาคใต้ และภาคตะวันออกเฉียงใต้ เนื้อไม้ค่อนข้างหยาบ สีแดงเรื่อ ๆ ปนเทา ใช้ในร่มทนทานพอประมาณ แพทย์แผนโบราณใช้รากเป็นยาแก้โรคบิด ถ้าสุมเป็นถ่านกินเป็นยาดับพิษร้อนในถอนพิษไข้รากสาด ปรุงเป็นยามหานิล ชาวมาเลเซีย ใช้เปลือกกระท้อนเป็นยากินหลังการคลอดบุตร และใช้เปลือกป่นบำบัดกลาก ใช้น้ำคั้นจากใบกินบรรเทาอาการจับไข้


โทษ : -



ข้อมูลเพิ่มเติม