ยางนา
ชื่อวิทยาศาสตร์
:
Dipterocarpus alatus
Roxb. ex G.Don
วงศ์ :
Dipterocapaceae
ชื่อสามัญ
: Yang
ชื่ออื่น :
กาตีล (เขมร-ปราจีนบุรี); ขะยาง (ชาวบน-นครราชสีมา);
จ้อง (กะเหรี่ยง); จะเตียล (เขมร); ชันนา, ยางตัง
(ชุมพร); ทองหลัก (ละว้า); ยาง, ยางขาว, ยางนา,
ยางแม่น้ำ, ยางหยวก (ทั่วไป); ยางกุง (เลย); ยางควาย
(หนองคาย); ยางเนิน (จันทบุรี); ราลอย
(ส่วย-สุรินทร์); ลอยด์ (โซ่-นครพนม)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ยางเป็นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่มีความสูงประมาณ 40 เมตร
ลำต้นตรง เปลือกเรียบสีเทาปนขาว โคนต้นเป็นพูพอน
เรือนยอดเป็นพุ่มกลม ทึบ ใบ เป็นใบเดี่ยว ออกแบบสลับ
รูปไข่แกมรูปหอก กว้าง 8-15 ซม. ยาว 20-35 ซม.
ปลายแหลม โคนใบมน เนื้อใบหนา ดอกสีชมพู
ออกดอกเป็นช่อสั้นๆ ตามซอกใบและปลายกิ่ง
กลีบเลี้ยงโคนเชื่อมติดกันเป็น รูปถ้วย
และมีครีบตามยาว 5 ครีบ ปลายแยกเป็น 5 แฉก มีกลีบ 5
กลีบ ปลายกลีบบิดเบี้ยวแบบกังหัน เกสรตัวผู้ จำนวนมาก
ผล รูปทรงกลม เส้นผ่านศูนย์กลาง 2.5-3 ซม. มีครีบยาว 5
ครีบ มีปีกยาว 2 ปีก สั้น 3 ปีก ปีกยาวมี เส้นตามยาว 3
เส้น เกิดตามป่าดงดิบและป่าเบญจพรรณทั่วไป
ขยายพันธุ์ด้วยเมล็ด
ต้นยางนาขึ้นเป็นหมู่ในป่าดิบและตามที่ราบชุ่มชื้นใกล้แม่น้ำลำธารทั่วไป
ที่สูงจากระดับน้ำทะเล 200 – 600 เมตร
ออกดอกเดือนมีนาคม –
พฤษภาคม เป็นผล เมษายน –
มิถุนายน ขยายพันธุ์โดยเมล็ด
ประโยชน์ :
ยางเป็นไม้หวงห้าม
นิยมนำมาใช้ในการก่อสร้าง
คนอีสานใช้น้ำมันจากต้นยางทำขี้กะบอง (ขี้ใต้จุดไฟ)
ในทางสมุนไพรน้ำมันจากต้น ใช้ใส่แผล แก้โรคเรื้อน
หนองใน น้ำมันผสมกับชันใช้ทาไม้ เครื่องจักรสาน ยาเรือ
และใช้เดินเครื่องยนต์แทนน้ำมันขี้โล้
ไม้แปรรูปใช้ทำฝาบ้านเรือน เครื่องเรือน
เรือขุดและเรือขนาดย่อม แจว พาย กรรเชียง ใช้ทำไม้อัด
|