ไม้เลื้อยมีมือเกาะลำต้นทอดยาวได้
10-20
เมตร กิ่งอ่อน
และช่อดอกมีขนสีน้ำตาลแดงปกคลุมหนาแน่น กิ่งแก่เกลี้ยง
ใบ เดี่ยวรูปไข่
ปลายใบแหลมหรือหยักเว้าเล็กน้อยหรือแยกผ่าลึกถึงฐานใบ
ช่อดอกเป็นกระจุกซ้อนกันแน่น ดอก มีจำนวนมาก
กลีบเลี้ยงคล้ายห่อกาบ มีแยกเป็นแฉกตามยาว 1-2
แฉก กลีบดอก 5
กลีบ สีเหลืองหรือส้มแดง ผล เป็นฝักแก่แล้วแตก
เมล็ดแบน
การกระจายพันธุ์ :
พืชถิ่นเดียวของไทย พบบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน
ออกดอกและติดผลประมารเดือน มิถุนายน
- กันยายน
ปี พ.ศ.2538
ดร.ชวลิต นิยมธรรม และคณะ
ได้พบต้นเสี้ยวประหลาดที่บริเวณชายป่าดิบแล้งบนเทือกเขาในจังหวัดหนองคาย
หลังจากทำการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่าเสี้ยวดังกล่าวไม่มีลักษณะที่คล้ายหรือใกล้เคียงกับเสี้ยวอื่นๆ
ที่เคยมีรายงานมาก่อน กระทั่งต่อมาเมื่อ ศ.ไค ลาร์เซน (Kai
Larsen) ผู้เชี่ยวชาญพรรณไม้ชาวเดนมาร์ก
และภรรยา (อาจารย์ สุพีร์ ศักดิ์สุวรรณ ลาร์เซน)
เดินทางมาตรวจสอบพันธุ์ไม้ ณ กรมป่าไม้ ดร.ชวลิต
จึงส่งมอบเสี้ยวที่เก็บมาให้ท่านทั้งสองตรวจสอบอย่างละเอียด
ผลปรากฏว่าเสี้ยวดังกล่าวเป็นพืชชนิดใหม่ของโลก
ลักษณะเด่นคือมีกลีบเลี้ยงห่อคล้ายกาบ
ซึ่งมีลักษณะที่ไม่เคยพบมาก่อนในกลุ่มสกุลย่อย
Phanera
การห่อตัวของกลีบเลี้ยงนี้เองที่บังคับให้กลีบดอกไม่สามารถกางออกได้เต็มที่เมื่อดอกบาน
ซึ่งเป็นลักษณะที่แตกต่างจากเสี้ยวอื่นๆ อย่างมาก
เมื่อเป็นเช่นนี้ท่านทั้งสองจึงร่วมกับกรมป่าไม้
ขอพระราชทานพระราชานุญาต
ใช้พระนามาภิไธยของสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ
สยามบรมราชกุมารี เพื่อเทิดพระนามพระองค์ท่านที่ทรงสนพระทัย
และให้การสนับสนุนงานทางพฤกษศาสตร์ตลอดมา โดยใช้ชื่อ
Bauhinia sirindhorniae
K.& S.S. Larsen
หรือ
สิรินธรวัลลี
อันหมายถึง
วัลยชาติแห่งองค์สมเด็จพระเทพฯ
นั่นเอง
ต่อมาในปี พ.ศ.2542
คณะนักพฤกษศาสตร์จากสวนพฤกษศาสตร์สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ได้สำรวจพรรณพืชบริเวณเทือกเขา
ภูพาน จ.สกลนคร และไปพบสิรินธรวัลลีเข้าโดยบังเอิญ
จึงนับว่าเป็นความโชคดีที่เราได้พบถิ่นที่อยู่ตามธรรมชาติของพืชหายากชนิดนี้เพิ่มขึ้นอีกพื้นที่หนึ่ง
ขณะนี้สวนพฤกษศาสตร์ฯ
ได้เพาะขยายพันธุ์สิรินธรวัลลีจนมีปริมาณเพิ่มขึ้น
อันจะเป็นหลักประกันว่าพืชหายากชนิดนี้จะยังคงอยู่เมืองไทยตลอดไป.
หมายเหตุ
พืชตระกูลเสี้ยว (Bauhinia
) เป็นหนึ่งในสมาชิกพืชวงศ์ถั่ว (Leguminosae-Caesalpinioideae
) มีการกระจายพันธุ์ในเขตร้อนทั่วโลกกว่า
300 ชนิด
สมาชิกในตัวอย่างกลุ่มเสี้ยว ได้แก่ กาหลง ชงโค และ โยทะกา
ฯลฯ |