|
-
4. ลักษณะทางกายภาพที่เอื้อต่อการเกิดพืชพรรณ
ลักษณะทางกายภาพ เช่น โครงสร้างหินที่รองรับพื้นที่
ความสูงต่ำลาดเอียง ชนิดของหินที่รองรับพื้นที่
ทำให้เกิดความเฉพาะตัว และความหลากหลายของพืชพรรณ
สิ่งที่เป็นตัวควบคุมสำคัญอันเป็นผลโดยตรงจากลักษณะทางกายภาพดังที่กล่าวมาแล้วคือการเกิดดิน
หรือการทำให้เกิดตะกอนถูกพัดพามา ณ จุดใดจุดหนึ่งได้มากว่าอีกจุดหนึ่ง
ความหนาของชั้นดินก็เป็นผลสืบเนื่องตามมาด้วยดังนี้
ภาพ 7
ภาพ 8 - ความลาดชันของพื้นที่
บริเวณที่มีความลาดชันสูง จะเกิดการกัดเซาะได้ง่าย
พาเอาเนื้อดินออกไปได้ตลอด โดยเฉพาะชั้นหน้าดิน ทำให้มีชั้นดินบาง เช่น
บริเวณเชิงเขาที่สูงชันมาก ส่วนบริเวณที่มีความชันลดลงมา
การกัดเซาะจะเกิดน้อย แต่จะมีการทับถมของตะกอนมาก
หน้าดินจะหนาขึ้นบริเวณที่ราบ ซึ่งมีแต่ตะกอนมาทับถมชั้นดินก็จะหนามาก
(ภาพ7) - โครงสร้างของชั้นหิน
(โครงสร้างทางธรณี) ที่รองรับภูมิประเทศ
การวางตัวของชั้นหินที่รองรับ ถ้าเป็นแนวราบหรือเกือบราบ เช่น ที่ราบสูง
การกัดเซาะในส่วนที่ราบก็มีน้อย มีแต่การทับถมตะกอน ชั้นดินก็เกิดหนา
บริเวณใดที่มีชั้นหินโก่งงอเอียงไปเอียงมาทำให้เกิดเป็นภูเขาสูง
ก็เกิดการกัดเซาะมากทำให้ได้ชั้นดินบาง -
ชนิดของหิน
ที่รองรับภูมิประเทศ หินประกอบด้วยแร่ต่างๆ
ดังนั้นความหลากหลายของหินก็ทำให้เกิดความหลากหลายของแร่ที่ประกอบในหินนั้น
หินที่ประกอบด้วยแร่ผุพังได้ง่ายก็เกิดหน้าดินหนา เช่น
ที่บริเวณภาคตะวันออกแถบจันทบุรี มีหินรองรับเป็นหินภูเขาไฟบะซอลท์
เกิดชั้นดินได้หนามาก ส่วนบริเวณใดที่มีหินรองรับประกอบด้วยแร่ผุพังได้ยาก
ทนทานต่อการกัดกร่อน ก็เกิดหน้าดินบางเมื่อเปรียบเทียบกัน
สิ่งสำคัญอีกประการหนึ่งคือ แร่ธาตุที่ประกอบในหินแตกต่างกัน
ซึ่งเกี่ยวข้องต่อเนื่องกับความสมบูรณ์ของดินด้วย -
ลักษณะทางกายภาพของหิน
ทำให้เกิดคุณสมบัติบางประการที่เอื้อต่อการเกิดพืชพรรณ เช่น
หินที่มีรอยแตกอยู่มากมาย ทำให้พืชชอนรากเข้าไปยึดพยุงตัวเองไว้ได้
จะเห็นได้ว่าแม้แต่หน้าผาสูงชันไม่มีดินอยู่เลย แต่ก็ยังมีพืชขึ้นอยู่ได้
เพราะมีรอยแตกอยู่ในหินนั้น น้ำซึมซับเข้ามาได้ตลอดเวลา
ทำให้มีความชื้นถูกกักเก็บไว้ พืชจึงอยู่ได้
-
5.
อนุภาคของดินเอื้อประโยชน์ยิ่งใหญ่ต่อระบบนิเวศป่าชายเลน
ความจริงในทุกระบบนิเวศบนบก
ดินย่อมมีความสำคัญต่อระบบชีวิตอยู่แล้วดังได้กล่าวมาตั้งแต่ต้น
แต่ที่ยกระบบนิเวศป่าชายเลนขึ้นมากล่าว
เพราะระบบนี้เป็นส่วนต่อเชื่อมระหว่างบก และทะเล ซึ่งยิ่งใหญ่มาก
โดยเฉพาะในเรื่องเกี่ยวกับลูกโซ่อาหารเบื้องต้นของสัตว์และมนุษยชาติ
และอีกประการหนึ่ง คือ
ตัวอนุภาคดินนั้นเป็นประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อระบบนิเวศนี้
และการดำเนินงานของคณะปฏิบัติการวิชาการในโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
นั้น ศึกษาตั้งแต่บนบกถึงทะเล หรือดังพระราชดำริที่ให้ศึกษาตั้งแต่บนฟ้า
ยอดเขา ลงไปถึงท้องทะเล ดินที่เกิดจากหินก็มีส่วนเกี่ยวข้องกันมาโดยตลอด
ตารางที่
1
การเปลี่ยนแปลงทางเคมีของแร่เนื่องมาจากการผุพังตามธรรมชาติทำให้ได้แร่ดินเหนียว
ตะกอนที่เกิดจากการกัดกร่อนผุพังของหิน
ถูกพัดพามากับน้ำจากเขาลงมายังเชิงเขา แม่น้ำ และท้ายสุดมาที่ปากแม่น้ำ
สู่ระบบป่าชายเลน กว่าจะถึงปากแม่น้ำ
ตะกอนจะถูกกัดกร่อนและมีปฏิกิริยาเคมีตามธรรมชาติเกิดขึ้นตลอดเวลา
ทำให้ขนาดเล็กลงไปเรื่อยๆ ตั้งแต่หินก้อนโต ลงไปเป็นกรวดเป็นทราย
เป็นทรายแป้ง และเล็กลงไปมากๆ เป็นดินเหนียว (clay)
ซึ่งดินเหนียวนี้จะมีขนาดอนุภาคเล็กกว่า 1/256 มม. เสียอีก
ตลอดระยะเวลาที่ถูกกัดกร่อนไปนี้
แร่ในหินจะถูกปฏิกิริยาเคมีเปลี่ยนแปลงไปโดยถูกละลายออกไปเรื่อยๆ
ตามสมบัติเคมีเฉพาะตัว คือ มีทั้งละลายยากและละลายง่าย
กลายเป็นไอออนอยู่ในน้ำนั่นเอง
ตัวแร่เดิมก็เปลี่ยนส่วนประกอบเชิงเคมีไปด้วย หรือผลสุดท้าย
คือกลุ่มแร่ดินเหนียว (Clay Mineral)
ซึ่งมีส่วนประกอบเป็นอะลูมิโน ไฮโดร ซิลิเกต
(Alumino Hydro Silicate)
นั่นคือ กลายเป็นกลุ่มแร่ซิลิเกต ที่จับเอาธาตุอะลูมิเนียม
และโมเลกุลของน้ำเข้าไปไว้ในตัวดังตารางที่ 1
|
|