เทคนิคการลงสีมี  5 ขั้นตอนดังนี้

  1. TEA WASH คือขั้นตอนการลงพื้นที่อ่อนที่สุด เริ่มจากที่เราเลือกสีใดสีหนึ่ง แล้วนำพู่กันมาจุ่มสี แล้วเริ่มลงสีจากบริเวณมุมบน เริ่มจากซ้ายไปขวา ไปมาหลายๆรอบแล้วลองใช้สีอื่นๆ หลายๆ สี โดยเริ่มสีจากสีเข้มไปสีอ่อน จากบริเวณบนสุดของภาพแล้วลองใช้พู่กันชุ่มน้ำมากๆ ลากซ้ำไปมาอีกหลายๆ รอบในแนวดิ่งและแนวราบและทางซ้ายขวา  แล้วลองลงสีเป็นรูปทรงต่างๆ เช่น รูปใบ หรือรูปกลีบดอกไม้ เป็นต้น

  2. RELIEF คือขั้นตอนการลงสีเพื่อเพิ่มบริเวณต่างๆ ในภาพ  ซึ่งจะทำให้ภาพมีน้ำหนักเกิดความลึกและทำให้ภาพมีมิติ

  3. CONTRAST คือขั้นตอนการลงสีเพื่อเน้นรายละเอียดของภาพทำให้เกิดความแตกต่างกัน ระหว่างสีสองสีที่อยู่ในบริเวณที่ต่างกันของภาพ เช่น กลีบดอกที่อยู่ด้านบนต้องมีสีอ่อนกว่ากลีบดอกที่อยู่ด้านล่างเสมอ

  4. HARMONIZE คือขั้นตอนการลงสีเพื่อให้ภาพเกิดความกลมกลืน เช่น ถ้าคุณวาดกิ่งไม้ที่มีดอกกุหลาบสีเหลืองอยู่  คุณต้องใส่สีเขียวของใบไม้ผสมเข้าไปกับสีเหลืองของดอกไม้ด้วย  และเช่นกันคุณต้องใส่สีเหลืองของดอกกุหลาบลงไปในสีเขียวของใบไม้ด้วย

  5. ขั้นตอนสุดท้าย  คือการสังเกตรายละเอียดปลีกย่อยอย่างพิถีพิถัน  เราอาจต้องเติมลายเส้นเพื่อเพิ่มรายละเอียดอีกเล็กน้อย เช่น เน้นลายเส้นขนให้เข้มขึ้น

          หลังจากเสร็จสิ้นขั้นตอนการลงสีทั้ง 5 ขั้นตอนแล้ว คุณต้องพิจารณาภาพของคุณเองโดยวางภาพที่ยังไม่เสร็จไว้  คุณอาจพักไปเดินเล่นแล้วกลับมาดูงานใหม่อีกครั้ง  สายตาและการมองภาพจะรู้สึกเปลี่ยนไป  คุณอาจพบข้อผิดพลาดบางจุดในงานของคุณทั้งๆ ทีในระหว่างทำงานคุณไม่เห็นข้อผิดพลาดนั้นเลย  และเมื่อคุณกลับมาทำงานต่อ คุณจะมีความคิด หรือแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ผลงานต่อไป  แต่ถ้าคุณทำงานต่อไปเรื่อยๆ โดยไม่หยุดพักเลย  กล้ามเนื้อตาของคุณจะเริ่มล้า ร่างกายของคุณอาจจะเริ่มอ่อนเพลีย ก็อาจทำให้ได้งานที่ไม่สมบูรณ์แบบอย่างที่คาดหวังไว้ เพราะฉะนั้น คุณควรทำงานสลับกับพักช่วงสั้นๆ ด้วย  ส่วนมากแล้วดิฉันจะวาดภาพครั้งละหนึ่งชั่วโมงครึ่งถึงสองชั่วโมง แล้วหยุดพักสั้น แล้วกลับมาวาดต่อ
 

 

การลงสีน้ำเบื้องต้น