PAGE TITLE
 
 
 
กลับหน้าหลัก
บทนำ
การพัฒนาชนบท
การพัฒนาการเกษตร
การพัฒนาแหล่งน้ำ
การพัฒนาและอนุรักษ์ดิน
การอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้
การพัฒนาชาวเขา
โครงการธนาคารข้าว
โครงการธนาคารโค-กระบือ
โครงการฝนหลวง
หน่วยแพทย์เคลื่อนที่
แก้ไขปัญหาน้ำท่วมกรุงเทพ
โครงการศิลปาชีพพิเศษ
กังหันน้ำชัยพัฒนา


                           หน้า   1    2    3  
 

การพัฒนาและอนุรักษ์ดิน  (ต่อ)

 
 

แนวพระราชดำริเกี่ยวกับงานพัฒนาที่ดิน
          1. การจัดการและพัฒนาที่ดิน
         เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
รงเริ่มงานพัฒนาประเทศของพระองค์ งานจัดและพัฒนาที่ดินเป็นงานแรกๆ ที่พระองค์ทรงให้ความสำคัญ ด้วยทรงเห็นว่าที่ดินเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญมากเช่นเดียวกับเรื่องน้ำ จึงได้ทรงเริ่มโครงการจัดพัฒนาที่ดินหุบกระพงตามประราชประสงค์ เมื่อปี พ.ศ.2511 โดยให้เกษตรกรจำนวน 120 ครอบครัวเข้าไปทำกินในพื้นที่ 10,000 ไร่ มีส่วนราชการต่างๆ เข้าไปช่วยเหลือราษฎรบุกเบิกที่ทำกินเพื่อพลิกผืนดินที่แห้งแล้ง ขาดความอุดมสมบูรณ์แห่งนี้ให้สามารถผลิตพืชพันธุ์ธัญญาหารได้อีกครั้งหนึ่ง จุดมุ่งหมายของการดำเนินงานระยะนั้น คือ การมุ่งแก้ไขปัญหาการไม่มีพื้นที่ดินทำกินของเกษตรกรเป็นเบื้องต้น ดังกพระราชดำรัสที่ว่า
         
"...มีความเดือดร้อนอย่างยิ่งว่าประชาชนในเมืองไทยจะไร้ที่ดิน และถ้าไร้ที่ดินแล้วก็จะทำงานเป็นทาสเขา ซึ่งเราไม่ปรารถนาที่จะให้ประชาชนเป็นทาสคนอื่น แต่ถ้าเราสามารถที่จะขจัดปัญหานี้ โดยเอาที่ดินจำแนกจัดสรรอย่างยุติธรรม อย่างที่มีการจัดตั้งจะเรียกว่านิคมหรือเรียกว่าหมู่หรือกลุ่ม หรือสหกรณ์ก็ตาม ก็จะทำให้คนที่มีชีวิตแร้นแค้น สามารถที่จะพัฒนาตัวเองขึ้นมาได้..."
          พระองค์ทรงเลือกพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม ทิ้งร้าง ว่างเปล่า นำมาจัดสรรให้แก่ราษฎร โดยให้สิทธิ์ทำกินชั่วลูกหลาน แต่ไม่ให้กรรมสิทธิ์ในการถือครอง งานจัดพื้นที่ทำกินนี้ครองคลุมไปถึงกลุ่มชาวไทยภูเขาเพื่อหยุดยั้งลักษณะการเพาะปลูกดำรงชีพที่เป็นเหตุให้เกิดการทำลายป่าไม้ไปเป็นจำนวนมากด้วย การจัดพื้นที่ดังกล่าวนั้นทรงมีหลักการว่า ต้องวางแผนการ จัดให้ดีเสียตั้งแต่ต้น โยใช้แผนที่และภาพถ่ายทางอากาศช่วยด้วย ไม่ควรทำแผนผังที่ทำกินเป็นลักษณะตารางสี่เหลี่ยมเสมอไป โดยไม่คำนึงถึงสภาพภูมิประเทศ แต่ควรจัดสรรที่ทำกินตามแนวพื้นที่รับน้ำจากโครงการชลประทาน
     

          2. การพัฒนาและอนุรักษ์ดิน
          หลังจากงานจัดพื้นที่ทำกินในระยะแรกนั้นแล้ว พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงขยายขอบเขตงานพัฒนาที่ดินด้านอื่นๆ ออกไป โดยเริ่มงานทางด้านวิชาการมากขึ้นอีก เช่น การวิเคราะห์และการวางแผนการใช้ที่ดินเพื่อให้มีการใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างเต็มขีดความสามารถ และให้เหมาะสมกับลักษณะสภาพดิน ทรงแนะนำให้เกษตกรทดลองใช้วิธีการต่างๆ เพื่ออนุรักษ์บำรุงรักษาดิน วิธีการส่วนใหญ่เป็นวิธีการตามธรรมชาติที่พยายามสร้างความสมดุลของสภาพแวดล้อมให้เกิดขึ้น เช่น ให้มีการปลูกไม้ใช้สอยรวมกับการปลูกพืชไร่ ซึ่งจะช่วยให้พืชไร่อาศัยร่มเงาของไม้ใช้สอย และได้รับความชุ่มชื้นจากดินมากกว่าที่จะปลูกอยู่กลางแจ้งหรือการปลูกพืชบางชนิด ในพื้นที่ซึ่งดินไม่ดี แต่พืชดังกล่าวให้ประโยชน์ในการบำรุงดินให้ดีขึ้นโดยไม่ต้องลงทุนใช้ปุ๋ยเคมี พื้นที่บางแห่งซึ่งไม่เหมาะสมเลยสำหรับทำการเกษตรก็เห็นควรจะใช้ประโยชน์ทางอื่น เช่น ฟื้นฟูขึ้นมาเป็นทุ่งหญ้าเลี้ยงสัตว์ เป็นต้น
          ในระยะต่อมา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้หันมาสนพระทัยงานพัฒนาที่ดินที่มีสภาพธรรมชาติและปัญหาที่แตกต่างกันออกไปในแต่ละภูมิภาค จึงมีพระราชดำริเกี่ยวกับงานแก้ไขปัญหาที่ดินที่เน้นเฉพาะเรื่องมากขึ้น เช่น งานทดลองวิจัยเพื่อแก้ไขปัญหาดินเค็ม ดินเปรี้ยว ในภาคกลางและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ปัญหาดินพรุในภาคใต้และที่ดินชายฝั่งทะเล รวมทั้งงานเกี่ยวกับการแก้ไขปรับปรุงและบำรุงรักษาดินที่เสื่อมโทรมพังทลายจากการชะล้างที่เกิดขึ้นโดยทั่วไปอีกด้วย โครงการต่างๆ ในระยะหลังจึงเป็นการรวบรวมความรู้ทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติ และนำเอาการพัฒนาหลายหลากสาขามาใช้ร่วมกัน และที่ปรากฎชัดออกมาเป็นตัวแบบที่ชัดเจนก็คือ แนวคิดและตัวอย่างงานพัฒนาที่ดินในศูนย์ศึกษาการพัฒนาหลายแห่ง เช่น แบบจำลองการพัฒนาพื้นที่ที่มีสภาพขาดความอุดมสมบูรณ์ และมีปัญหาการชะล้างพังทลายของดินในศูนย์ศึกษาการพัฒนาเขาหินซ้อน จังหวัดฉะเชิงเทรา งานศึกษาวิจัยพัฒนาพื้นที่ดินพรุในศูนย์ศึกษาพัฒนาพิกุลทอง จังหวัดนราธิวาส และงานพัฒนาที่ดินชายฝั่งทะเลในศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน จังหวัดจันทบุรี เป็นต้น
                                                                                                                                                             อ่านหน้าต่อไป