ปอกระเจาฝักยาว
Corchorus olitorius
L., TILIACEAE
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์
:
ปอกระเจาฝักยาวมีลักษณะทางพฤกษศาสตร์คล้ายปอกระเจาฝักกลม
แต่ปอกระเจาฝักยาวดอกใหญ่
ใบยาวกว่า
และผลเป็นฝักกลมยาวเรียว
ปลายแหลม กว้าง 3-8 มม. ยาว
6-10 ซม. เมื่อแก่แตกเป็น 3-6
ซีก ภายในผลมีผนังกั้น
ถิ่นกำเนิด : -
การกระจายพันธุ์ :
เขตร้อนของทวีปเอเชียและแอฟริกา
จีน อินเดีย ศรีลังกา
ปากีสถาน ลาว เวียดนาม
กัมพูชา มลายูภาคใต้
อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์
ออสเตรเลีย อเมริกา (ฮาวาย)
การกระจายพันธุ์ในประเทศไทย
: เชียงใหม่, ลพบุรี,
กรุงเทพมหานคร, พังงา
สภาพนิเวศน์ :
พื้นที่โล่งในที่ดอน
ไม่มีน้ำขัง
เวลาออกดอก :
ออกดอกและติดผลระหว่างเดือนสิงหาคม-ธันวาคม
เวลาออกผล : -
การขยายพันธุ์ : -
ความเกี่ยวข้องกับประเพณี
วัฒนธรรม ความเชื่อ ฯลฯ :
ในประเทศไทยเริ่มปลูกตั้งแต่
พ.ศ. 2483
โดยกรมเกษตรและการประมง
(ชื่อในขณะนั้น)
ได้รณรงค์ส่งเสริมพื้นที่การปลูกที่สุโขทัยบางส่วน
และตั้งแต่จังหวัดชัยนาทลงมาจนถึงพระนครศรีอยุธยา
สุพรรณบุรี
เพื่อเพิ่มพูนรายได้และใช้เป็นวัตถุดิบในการทอกระสอบ
โดยขั้นแรกได้ใช้พันธุ์พื้นเมือง
คือ พันธุ์อยุธยา
และพันธุ์พม่า
เพื่อผลิตเส้นใยป้อนโรงงานทอกระสอบซึ่งรัฐบาลมีนโยบายให้จัดตั้งขึ้น
ตั้งแต่ พ.ศ. 2484
เป็นต้นมาได้มีหน่วยงานราชการและเอกชนนำเมล็ดพันธุ์ปอกระเจาจากต่างประเทศเข้ามาปลูกและขยายพันธุ์เพิ่มจำนวนมากขึ้น
ได้ดำเนินการทดลองและขยายพื้นที่การผลิตในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบริเวณจังหวัดหนองคาย
สกลนคร นครพนม กาฬสินธุ์
และอุบลราชธานี ต่อมาใน
พ.ศ. 2511
รัฐบาลได้กำหนดให้ปอกระเจาเป็นพืชเศรษฐกิจ
ปัจจุบันมีการปลูกปอกระเจาตามริมฝั่งน้ำของบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบนหลายจังหวัด
แต่พื้นที่ปลูกลดน้อยลง
เนื่องจากต้นทุนในการผลิตสูงในขณะที่ราคาและผลผลิตขึ้นลงไม่แน่นอนในแต่ละปี
เกษตรกรจึงหันไปสนใจพืชอื่นที่ให้รายได้ดีกว่า
อ้างอิง : 1)
ราชบัณฑิตยสถาน. 2538. อนุกรมวิธานพืช
อักษร ก. กรุงเทพมหานคร:
เพื่อนพิมพ์.
2) Smitinand, T. and Larsen,
K., eds. 1993. Flora of Thailand (Vol.6: 1). Bangkok: The
Rumthai Press.