กระโดน
ชื่อพื้นเมือง :
กระโดน (ภาคกลาง, ภาคใต้),
กะนอน (เขมร), ขุย (กะเหรี่ยง-กาญจนบุรี),
จิก (ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ),
แซงจิแหน่ เส่เจ๊อะมะ (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน),
ปุย (ภาคใต้, ภาคเหนือ),
ปุยกระโดน (ภาคใต้),
ปุยขาว ผ้าฮาด (ภาคเหนือ),
พุย (ละว้า-เชียงใหม่),
หูกวาง (จันทบุรี)
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Careya
sphaerica Roxb.
ชื่อวงศ์ : LECYTHIDACEAE
(BARRINGTONIACEAE)
ชื่อสามัญ : Tummy-wood
ลักษณะ : ไม้ต้นขนาดกลาง
ผลัดใบ สูง 10-30 ม.
หน้าแล้งจะทิ้งใบหมดแล้วผลิใบใหม่พร้อมดอก
ใบเดี่ยว
เรียงสลับถี่ๆ
ที่ปลายกิ่ง รูปไข่กลับ
ปลายแหลม เป็นติ่งสั้นๆ
โคนเรียวยาวดูคล้ายครีบ
ขอบหยักเล็กน้อย ดอกใหญ่
ออกเป็นช่อ
แต่ละดอกมีใบประดับ 3 ใบ
กลีบเลี้ยง 4 กลีบ
โคนกลีบติดกันเป็นรูประฆัง
กลีบดอก 4 กลีบ สีขาว
เกสรเพศผู้มีจำนวนมาก
รังไข่ 4 ช่อง ผลรูปไข่หรือกลม
เส้นผ่านศูนย์กลาง 5-8 ซม.
ที่ปลายผลมีกลีบเลี้ยงติดอยู่
เมล็ดแบน
สีน้ำตาลอ่อน
รูปขอบขนาน ผิวเรียบ
ประโยชน์ :
เนื้อไม้ค่อนข้างหยาบแข็ง
และหนัก
สีแดงแก่หรือน้ำตาลแกมแดง
เสี้ยนค่อนข้างตรง
ทนทานในร่ม
ใช้ในการก่อสร้างอาคารบ้านเรือน
ทำเครื่องเรือน
เครื่องมือเครื่องใช้
ถ้าอาบน้ำยาอย่างถูกต้องแล้วใช้เป็นหมอนรองรางรถไฟได้ดี
เปลือกใช้เป็นยาแก้ไข้
แก้พิษงู
แก้เมื่อยเคล็ด
เป็นยาฝาดสมาน
ใช้เบื่อปลา
และใช้เป็นสีย้อม
เส้นใยที่ได้จากเปลือก
หยาบ ใช้ทำเชือก
ทำเบาะรองหลังช้าง
ทำกระดาษสีน้ำตาล
ใบมีรสฝาด
มีแทนนินร้อยละ 19
แพทย์แผนโบราณใช้ใบผสมกับเครื่องยาอื่นๆ
ปรุงเป็นยาสมานแผล
ใช้เบื่อปลา
ดอกและยอดกินเป็นผักได้
ดอกและน้ำจากเปลือกสดใช้ผสมกับน้ำผึ้งจิบแล้วชุ่มคอ
แก้ไอและแก้หวัด
เป็นยาบำรุงหลังการคลอดบุตร
ผลกินได้ ช่วยย่อยอาหาร
เป็นยาฝาดสมาน
โทษ : เมล็ดเป็นพิษ
รากมีพิษ ใช้เบื่อปลา