ส้มโอ
ชื่อวิทยาศาสตร์
: Citrus
maxima (Burm.f.)
Merr.
วงศ์ :
Rutaceae
ชื่อสามัญ
: Pummelo
ชื่ออื่น :
โกร้ยตะลอง (เขมร); มะขุน, มะโอ (ภาคเหนือ); ลีมาบาลี
(มลายู-ยะลา); สังอู (กะเหรี่ยง-แม่ฮ่องสอน); ส้มโอ (ทั่วไป)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ :
ไม้ยืนต้นขนาดกลางค่อนข้างใหญ่
แตกกิ่งก้านมากเป็นพุ่ม
กิ่งอ่อนปกคลุมด้วยขนสั้นๆ มีหนามรูปร่างยาวขนาด
1-5 ซม. ใบ รูปไข่ยาว ส่วนของแผ่นใบมองเห็นเป็นรอยเว้า
แยกเป็น 2 ส่วนอย่างชัดเจน
ขนาดแผ่นใบส่วนบนกว้างประมาณ 2-7 ซม. ยาวประมาณ 10-12
ซม. แผ่นใบส่วนล่างมีลักษณะปีก มีขนาดเล็กกว่าส่วนบน
ดูโดยรวมเป็นรูปคล้ายหัวใจ เรียวสอบมาทางก้านใบ
ใต้ใบมีขนอ่อนนุ่มปกคลุมอยู่ ดอกเป็นดอกเดี่ยว
แต่อาจพบออกเป็นช่อตามมุมใบ หรือปลายยอด
เป็นดอกสมบูรณ์เพศ กลีบเลี้ยงสีเขียว 5 กลีบ
กลีบดอกสีขาวขุ่น 5 กลีบ
เกสรตัวผู้เชื่อมติดกันเป็นกลุ่มประมาณ 4-5 กลุ่ม
อับละอองเกสรสีเหลือง เกสรตัวเมียมีรังไข่ที่แบ่งเป็น
11-16 ช่อง ผลชนิด berry
ขนาดปานกกลางถึงใหญ่ มีรูปร่างหลายแบบ เช่น ทรงกลม
ทรงแป้น หรือผลยาวมีจุกคล้ายผลสาลี่ ผลอ่อนสีเขียว
ผลแก่สีเขียวอ่อน หรืออมเหลือง
เปลือกชั้นนอกมีลักษณะเหนียว มีต่อมน้ำมัน (oil
gland) กระจายทั่วไปตามผิวของผล
เปลือกชั้นกลาง สีขาวหรือสีชมพู มีลักษณะอ่อนนุ่ม
หนาประมาร 1-2.3 ซม.
เปลือกผลชั้นในบางส่วนเจริญเป็นถุงน้ำหวาน (juice
sac)
เป็นส่วนที่รับประทานได้ มีสีขาว ครีม ชมพู หรือแดง
รสชาติเปรี้ยว หรือเปรี้ยวอมหวาน จนถึงหวานสนิท
บางพันธุ์อาจมีรสขมปนบ้าง
ส้มโอมีถิ่นกำเนิดในหมู่เกาะมลายู อินเดีย จีน และไทย
ขยายพันธุ์โดยวิธีเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ติดตา ทาบกิ่ง
ประโยชน์ :
ทางอาหาร
บริโภคเนื้อผลสดเป็นผลไม้
เปลือกชั้นกลางนำมาเชื่อมเป็นของหวาน
หรือนำมากวนปรุงรสเป็นส้มโอสามรสได้ ทางสมุนไพร ใบ
แก้ท้องอืดแน่น ตำพอกศีรษะแก้ปวดหัว ดอก ขับลม
ขับเสมหะ ผล ช่วยขับเสมหะ แน่นท้อง จุกเสียด ไส้เลือน
ต้มน้ำอาบแก้คัน เมล็ด แก้ปวดท้อง ราก แก้หวัด แก้ไอ
ปวดกระเพาะอาหาร
|