ไดโนแฟลเจลเลต
(Dinoflagellates)
ไดโนแฟลเจลเลต
อาจจัดได้ว่าเป็นกลุ่มที่มีลักษณะพิเศษที่สุดของแพลงก์ตอนพืช
ไม่เพียงแต่มองดูสวยงามภายใต้กล้องจุลทรรศน์เท่านั้น
มันยังมีความแตกต่างกันในการดำรงชีวิต
มีความจำเพาะต่อระบบนิเวศและมีการปรับตัวที่เป็นเอกลักษณ์มากที่สุดในกลุ่มแพลงก์ตอนพืชทั้งหมด
ไดโนแฟลเจลเลตเป็นเซลล์มีหนวด 2 เส้น เซลล์มีสีเหลืองแกมน้ำตาล
หรือสีเข้มจนเกือบดำ ถึงแม้ว่าไดโนแฟลเจลเลตจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มแพลงก์ตอนพืช
แต่มีไดโนแฟลเจลเลตบางชนิดไม่สามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้และดำรงชีวิตเป็นแบบสัตว์
โดยกินแพลงก์ตอนชนิดอื่นเป็นอาหาร
เนื่องจากมันเป็นเซลล์ที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่จึงสามารถมองเห็นได้ง่าย
ถ้าเป็นตัวอย่างแพลงก์ตอนที่มาใหม่ๆ
เราจะมองเห็นลักษณะการเคลื่อนไหวของมันได้ด้วย และเช่นเดียวกับแพลงก์ตอนพืชชนิดอื่นๆ
ภายใต้สภาวะแวดล้อมที่เหมาะสม ได้แก่ มีอุณหภูมิ แสง
และสารอาหารโดยเฉพาะพวกไนเตรต และ ฟอสฟอรัสปริมาณมาก ไดโนแฟลเจลเลตอาจจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นได้
ซึ่งบางครั้งมากเสียจนกระทั่งเกิดภาวะเป็นพิษขึ้น
ที่เรียกว่าเกิดปรากฎการณ์น้ำเปลี่ยนสี หรือน้ำแดง (
red tide )
ไซยาโนแบคทีเรียหรือสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน (Cyanobacteria
or Blue gree algae)
|
|
|
|
Oscillatoria (
Trichodesmium) erythraea |
Oscillatoria (
Trichodesmium) thiebautii |
ไซยาโนแบคทีเรีย
หรือที่รู้จักกันดีในชื่อของสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
เป็นกลุ่มสิ่งมีชีวิตที่เกิดขึ้นเริ่มแรกบนโลก
และปัจจุบันยังคงพบอยู่ทั่วไป
กลุ่มนี้มีชื่อเรียกว่าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินเนื่องจากว่ามันสามารถสังเคราะห์ด้วยแสงได้
และอยู่ในน้ำ แต่อย่างไรก็ตาม
พวกนี้มีโครงสร้างของเซลล์คล้ายกับแบคทีเรียมากกว่าพวกสาหร่ายที่แท้จริง
ไซยาโนแบคทีเรียหรือสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงิน
ที่พบตามชายฝั่งทะเลในภูมิภาคเขตร้อน ได้แก่
Oscillatoria ( Trichodesmium
) erythraea
และ O. thiebautii
เป็นกลุ่มที่มีความสำคัญที่สุดในการเป็นผู้ผลิตเริ่มต้นในห่วงโซ่อาหาร
นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ช่วยในการนำธาตุไนโตรเจนที่มีอยู่ในบรรยากาศลงไปในทะเล
แต่ถ้าสาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินมีการเจริญเติบโตและเพิ่มจำนวนอย่างรวดเร็วทำให้มีปริมาณมหาศาล
เรียกว่าเกิดการบลูมของน้ำ ( water bloom )
เคยมีรายงานว่า สาหร่ายสีเขียวแกมน้ำเงินทั้ง
2 ชนิด นี้ทำให้เกิดการบลูมซึ่งทำให้สัตว์น้ำตาย เช่น ปลาตาย
เนื่องจากขาดออกซิเจนและสาหร่ายไปอุดตันที่เหงือก |